19 ส.ค.59 ที่หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสมบัติ พิมพ์สอน รองโฆษก พศ.กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวพระชั้นผู้ใหญ่ใน จ.จันทบุรี มีคำสั่งให้พระตี๋ หรือนายเสริมศักดิ์ ไม้สูงเนิน มีความสูง 99 ซม.สึกกลางพรรษา โดยให้เหตุผลว่าถ้าไม่ทำการสึกพระอุปัชฌาย์ต้องสึกเอง เนื่องจากในพระวินัยบัญญัติห้ามคนเตี้ยเกินไปอยู่ด้วย จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมว่าทำถูกต้องหรือไม่ ว่า ตนทราบมาว่าพระรูปดังกล่าวมีความสูงเพียง 99 ซม.ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัย ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระพุทธเจ้าท่านกำหนดลักษณะที่ต้องห้ามบรรพชาอุปสมบทไว้ โดยพระพุทธองค์มีพระบัญญัติตั้งแต่เรื่องความศรัทธาของผู้ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ว่ามีศรัทธาหรือไม่ และบัญญัติถึงสภาพภายนอกของร่างกาย ไว้ว่าห้ามผู้ที่เตี้ยเกินไป ตาบอด 2 ข้าง และมือด้วนเท้าด้วนบวช เมื่อเปรียบกับปัจจุบันเหมือนเป็นการตั้งกฎเกณฑ์ที่จะรับเข้าหมู่คณะ หากรับเข้าไปในหมู่คณะแล้วอาจไม่เป็นที่ศรัทธาของญาติโยม แต่อย่างไรก็ตาม แม้พระตี๋ สึกแล้วก็สามารถปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนาได้
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความบกพร่องของพระอุปัชฌาย์หรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า พระอุปัชฌาย์ท่านอาจจะหลงลืมและให้บวชไป แต่อย่างไรก็ตามท่านก็ต้องให้สึก เพราะถ้าไม่สึกพระอุปัชฌาย์จะต้องอาบัติเอง เพราะกฎในข้อนี้ถ้าบวชให้พระภิกษุที่พระพุทธทรงห้าม พระอุปัชฌาย์ต้องอาบัติอยู่ร่ำไป การให้สึกคือการระงับอาบัติ ส่วนการให้สึกกลางพรรษา ประชาชนอาจจะมองว่าไม่ใช่แนวปฏิบัติหรือเป็นสิ่งไม่ดีนั้น ขอแจงว่าไม่มีผลอะไร เช่น กรณีที่พระภิกษุต้องจำพรรษาที่วัดใดวัดหนึ่งช่วงเข้าพรรษา หากมีเหตุต้องไปปฏิบัติศาสนกิจนอกวัด ต้องสัตตาหะ หรือขออนุญาตไปอยู่นอกวัดได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน แต่สามารถไปเกิน 7 วันได้ เพียงแต่จะไม่นับพรรษาให้เท่านั้น
เมื่อถามว่า ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยบวชให้คนแคระได้จริงหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า ในสมัยพุทธกาลน่าจะบรรพชาเป็นสามเณรมากกว่า ถ้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่เคยมี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพระไตรปิฎกฉบับประชาชน ได้ระบุลักษณะที่ไม่ควรให้อุปสมบท (บวชเป็นพระ) 20 ประเภท ได้แก่ 1.ผู้ไม่มีอุปัชฌายะ 2.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นสงฆ์ (อุปัชฌายะต้องมีรูปเดียว ไม่ใช่มากรูป) 3.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นคณะ (2 , 3 ชื่อว่าเป็นคณะ , 4 ขึ้นไปเป็นสงฆ์) 4.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นกะเทย 5.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นคนลักเพศ (ผู้บวชเอาเอง) 6.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้เข้ารีตเดียรถีย์ 7.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นสัตว์ดิรัจฉาน (มีเรื่องเล่าว่า นาคปลอมมาบวช) 8.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ฆ่ามารดา 9.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ฆ่าบิดา 10.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์ 11.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ข่มขืนนางภิกษุณี 12.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน 13.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้ประทุษร้ายพระพุทธเจ้า จนถึงยังพระโลหิตให้ห้อ 14.ผู้มีอุปัชฌายะเป็นผู้มีอวัยะ 2 เพศ 15.ผู้ไม่มีบาตร 16.ผู้ไม่มีจีวร 17.ผู้ไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร 18.ผู้ขอยืมบาตรเขามาบวช 19.ผู้ขอยืมจีวรเขามาบวช และ 20.ผู้ขอยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามาบวช ส่วนการห้ามคนที่เตี้ยเกินไปบวชนั้น อยู่ในบัญญัติข้อ 12 ของลักษณะที่ไม่ให้บรรพชาเป็นสามเณร 32 ประการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี