2 ก.ย.59 ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่งสำนักงาน ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมา วงศ์ทับเบิก อดีตผู้ใหญ่บ้านภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พร้อมตัวแทนชาวม้งภูทับเบิก 6 คน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังได้รับความเดือนร้อนจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 35/2559 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการครอบครอง และการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ที่ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนภูทับเบิก โดยชาวบ้านภูทับเบิก กว่า 1,000 ครัวเรือน ถูกเจ้าหน้าที่รัฐรื้อถอน และขัดขวางไม่ให้อยู่อาศัยและประกอบอาชีพ พร้อมถูกกล่าวหาให้ร้าย
นอกจากนี้ บางรายยังถูกเจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อหาอาญาร้ายแรง เตรียมจับกุมในข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการรื้อถอนอาคารสถานที่นั้นเจ้าของต้องเป็นคนจ่าย โดยไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามข้อตกลงก่อนที่ชาวบ้านจะวางอาวุธเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย 66/23
ทั้งนี้ ตัวแทนชาวม้งเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางออกร่วมกันกับประชาชนในพื้นที่ จึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ให้หยุดรื้อถอนและทำลายที่พักแรมของชาวภูทับเบิก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะบานปลายกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ 2.จัดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน นำข้อเท็จจริงใหม่เข้ามาพิจารณาในชั้นศาล 3.ควรเร่งให้มีคณะกรรมการตรวจสอบว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้ดำเนินการรื้อถอนนั้น ถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ 4.ขอให้เร่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหา 3 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะกรรมการตัวแทนชาวภูทับเบิก , คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ และคณะกรรมการฝ่ายความมั่นคง
ขณะที่ นายมา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.58 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงพื้นที่พร้อมบอกกับคนในพื้นที่ให้สร้างสิ่งก่อสร้างให้มั่นคง รวมถึงดูแลความสะอาดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เพราะจะส่งเสริมให้ภูทับเบิกเป็นโมเดลการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของไทย แต่เมื่อชาวม้งกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างจนเกิดหนี้สิน ภาครัฐกลับเข้ามารื้อถอน สร้างความเดือดร้อน ซึ่งชาวบ้านมองไม่เห็นทางออก ขอยืนยันว่า รีสอร์ทบนภูทับเบิกเป็นของชาวม้งในพื้นที่ ไม่ใช่กลุ่มนายทุน และชาวม้งไม่ใช่อาชญากร ไม่เข้าใจว่าเหตุใดภาครัฐจึงเข้ารื้อถอนรีสอร์ท เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีการเจรจาจากภาครัฐ หรือแจ้งให้ทราบก่อนเข้ารื้อถอนแต่อย่างใด ดังนั้น จึงรวบรวมรายชื่อประมาณชาวบ้านประมาณ 300 คน เข้าขอความเป็นทำกับนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทบทวนการรื้อถอน และร้องขอให้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมถึงการหามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี