19 ก.ย.59 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายธวัชชัย อนุกูล อายุ 66 ปี อดีตเจ้าพนักงานที่ดินท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบหลายแปลงใน จ.ภูเก็ต และพังงา ผูกคอเสียชีวิตอย่างมีปริศนาในห้องคุมขังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าต่อการสืบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน ถึงความคืบหน้าในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่า ขณะนี้มีการวาง2 ประเด็นเพื่อพิจารณาหาข้อเท็จจริง

ประเด็นแรก คือ กระบวนการแขวนคอ จากข้อมูลและภาพมีรอยรัดที่คอ อยู่ระดับกล่องเสียงเฉียงขึ้นหลัง กว้างไม่เกิน 0.5 เซนติเมตรจริง ในรายงานแพทย์และภาพถ่ายมีสิ่งที่บ่งชี้ว่า ระหว่าการแขวนคอ ซึ่งอาจจะเกิดจากการแขวนเองหรือถูกแขวนนั้น นายธวัชชัย มีชีวิตอยู่ คือ มีเลือดออกใต้ตาขาว แต่ผลการชันสูตรหมอระบุด้วยว่า มีกระดูกกล่องเสียงหัก ซึ่งจุดนี้ไม่มีรูปถ่ายเพื่อยืนยัน จึงทำให้เกิดข้อกังขาตามมา เพราะรอยรัดรอบคอ อยู่ต่ำกว่ากล่องเสียง

ดังนั้นจึงอยากตรวจสอบบริเวณคอ หรือบริเวณกระดูกกล่องเสียงอีกครั้ง เพราะไม่มีภาพถ่ายยืนยัน และเป็นข้อสงสัยสุดท้ายเพราะรอยรัดที่คออยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งการผ่าชัณสูตรเปิดแผ่นหนังที่ระดับไหปลาร้า ซึ่งการชัณสูตรของคนที่ถูกแขวนคอ หรือ ถูกบีบคอต้องเปิดแผ่นหนังที่คอขึ้นไปทางใบหูสองข้าง หรือลักษณะตัววาย แต่เมื่อเปิดไม่เต็มที่จึงเห็นภาพไม่ชัด และยังมีข้อข้องใจแม้ลักษณะภายนอกจะไม่มีรอยเลือดที่เกิดจากการบีบคอปรากฎให้เห็นก็ตาม                        

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ในการตรวจต่อจากนั้นได้เข้าไปดูในห้องที่เกิดเหตุ และได้ปฏิบัติตามข้อมูลที่ดีเอสไอให้ไว้ คือ บานพับประตู อยู่สูงจากพื้นพอสมควร จึงได้นำภาพของผู้ตาย ซึ่งระบุความสูงและหาบุคคลที่สูงเท่ากัน สรุปได้ว่าหากจะแขวนคอตายที่บานพับ น้ำหนักจะลงพื้น ซึ่งกรณีดังกล่าวก้นของผู้ตายลอยเหนือพื้น ขณะที่ลักษณะของบานพับมีความชัดเจนว่าหากประตูเปิดอยู่จะไม่สามารถแขวนได้ ต้องอยู่ลักษณะปิดเท่านั้น

ดังนั้นประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ ผู้ตายถูกจับแขวน หรือแขวนเอง โดยการจำลองเหตุคณะทำงานได้นำถุงเท้าคู่ใหม่ ที่มีเนื้อผ้าคล้ายกัน รวมถึงนำดัมเบล น้ำหนัก 40 ก.ก. 60 ก.ก. และ 80 ก.ก. มาถ่วงน้ำหนัก พบว่าการถ่วงน้ำหนักดังกล่าว สามารถดึงเส้นถุงน้ำให้บางไม่เกิน 0.5 ซ.ม. เท่ากับรอยที่คอของผู้เสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงยืนยันข้อมูลได้ว่าถุงเท้าสามารถทำให้เกิดรอยได้โดยไม่มีข้อสงสัยอีก

ส่วนที่ยังมีประเด็นที่ต้องตั้งคำถามต่อ คือ ถุงเท้าดังกล่าวสามารถถูกแขวนโดยบุคคลอื่นได้หรือไม่ คณะทำงานยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดตั้งแต่แรก หรือมีภาพถ่ายสภาพ นายธวัชชัย ระหว่างอยู่ในห้องของดีเอสไอ ทำให้เกิดปัญหาและกลายเป็นความไม่เชื่อมั่นว่า นายธวัชชัย แขวนคอเองหรือมีผู้จับไปแขวนคอ

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือเรื่องตับแตก ซึ่งได้นำเสนอรายงานแพทย์และฟิมล์มาตรวจสอบ ระบุ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เวลา 01.00น. นายธวัชชัย ไม่มีสัญญาณชีพจรใดๆ และมีความพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต แต่ไม่ทราบสามารถจำนวนครั้ง ทำให้ความดันขึ้นประมาณ 100 มิลลิเมตรปรอทและมีชีพจร แต่ นายธวัชชัย ยังไม่รู้สึกตัว

จากนั้นเมื่อเวลา 02.20 น. ได้ถ่ายฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ซึ่งโดยภาพในฟีล์มไม่มีรอยหัก แต่เมื่อเทียบกับผลการชันสูตรศพ แพทย์ระบุว่า ศพมีซี่โครงหัก โดยข้างขวา หักตั้งแต่ซี่ที่ 2-6 และข้างซ้าย หักตั้งแต่ซี่ที่ 2-7 ดังนั้นสรุปเบื้องต้นว่าระหว่างที่ นายธวัชชัย อยู่ที่ดีเอสไอไม่พบกระดูกซี่โครงหัก แต่ใครจะทำให้หักนั้น ต้องไปสืบสวนต่อ

ขณะที่ภาวะตับแตกนั้น แพทย์ระบุและนำภาพถ่ายให้ดู พบว่า ตับมีรอยแตกขนาดใหญ่ตรงกลางมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมีเลือดออกในช่องท้องขนาด 1,000 ซี.ซี. ซึ่งมีคำถามมากว่าตับแตกเกิดก่อนหรือหลังอยู่ที่ดีเอสไอนั้น ซึ่งแพทย์ที่เข้าไปตรวจสอบเชี่ยวชาญด้านชันสูตรไม่ใช่แพทย์ด้านช่วยชีวิต ดังนั้น ในวันอังคารที่ 20 กันยายน จะหารือกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการผ่าตัดช่องท้อง เพื่อให้คำแนะในสถาวะตับแตกว่าเกิดก่อนหรือหลัง    

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ที่ออกมาพูดเป็นการพูดถึงความคืบหน้าของการตรวจสอบในคดีดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความอึมครึมสับสน และสรุปกันไปเองในหลายทิศทาง ซึ่งการตรวจสอบขั้นตอนต่อไปก็คงทราบความจริง ซึ่งภาวะตับแตกเกิดขึ้นจากการกระแทกกับของแข็ง แต่ไม่ทราบว่าไปชน หรือมีของแข็งมากระแทกเองก็ตอบไม่ได้  หรือเกิดจากการพยายามช่วยชีวิตหรือไม่นั้นก็มีส่วนเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามฟิล์มเอ็กซเรย์ ถือว่า ได้ไขปริศนาในกรณีได้มาก เพราะเมื่อเวลา 02.20 น. ยังไม่มีตับแตก แต่มาพบว่ามีตับแตกเมื่อเวลา 09.00 -10.00 น. ส่วนจะสรุปคดีได้เมื่อไหร่นั้นยังตอบไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการตัดตอนคดีหรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิคิด แต่หน้าที่ของนิติวิทยาศาสตร์คือการรวบรวมพยานหลักฐานให้ปรากฎโดยสมบูรณ์ ถูกต้อง และเต็มที่ต่อไป

วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า สำนวนคดีการเสียชีวิตของ นายธวัชชัย มีความคืบหน้ากว่า 50% และได้รับผลการตรวจพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวช แล้วโดยในบ่ายวันพุธที่ 21 กันยายน พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำแพทย์ที่ผ่าชันสูตรพลิกศพต่อไป