มันฝรั่ง (Solanum tuberosum L.) พืชที่มีศักยภาพอีกชนิดหนึ่งติดอันดับที่ 4 ของโลกรองจากข้าว ข้าวสาลี และข้าวโพด แม้มันฝรั่งจะไม่ได้เป็นพืชอาหารหลักของประเทศไทย แต่มีความสำคัญในด้านเป็นพืชอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาทที่สามารถสร้างรายได้สูงให้กับเกษตรกรโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน
นายกิติพร เจริญสุข ผู้อำนวยการกลุ่มบริการวิชาการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า มันฝรั่งเป็นพืชที่มีศักยภาพสูงชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ มีการปลูกมันฝรั่งเป็นอาชีพหลักกว่า 10,000 ครัวเรือน โดยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15,000-25,000 บาทต่อไร่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1,270 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากพื้นที่ทางภาคเหนือมีสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยส่งผลให้มีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งคิดเป็นสัดส่วน 94.91% มีเพียง 5.09% ที่มีการขยายผลมาปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดหนองคาย สกลนคร เลย และนครพนม
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยจะมีการปลูกมันฝรั่งมานานนับ 10 ปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยในปี 2559 มีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งรวม 43,819 ไร่ ให้ผลผลิต 129,710 ตันและจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่าในปี 2558 มีการนำเข้ามันฝรั่งเพื่อใช้ในการแปรรูปสูงถึง 52,349.672 ตันต่อปีคิดเป็นมูลค่ากว่า 786.628 ล้านบาท และยังมีการนำเข้ามันฝรั่งสดเพื่อนำมาแปรรูปเพิ่มขึ้นเป็นประจำทุกปี
จากปัญหาปริมาณมันฝรั่งไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินกิจกรรมการ
ขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ โดยการส่งเสริมให้มีการปลูก
มันฝรั่งพันธุ์โรงงานในบางจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเพิ่มมากขึ้น เน้นให้ใช้หัวพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรทดแทนหัวพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากผลทดสอบพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตร มีการให้ผลผลิตได้ดีกว่าพันธุ์ของต่างประเทศ ทั้งด้านการเจริญเติบโต และให้ผลผลผลิตสูงขึ้นกว่า 10% ปริมาณแป้งสูง อายุเก็บเกี่ยวนานขึ้น 10-20 วัน อีกทั้งลักษณะพื้นที่ปลูกมันฝรั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีลักษณะเป็นดินทรายถึงร่วนปนทราย เหมาะแก่การเจริญเติบโต และมีการเว้นระยะช่วงเวลาของการปลูก คือนิยมปลูกเป็นพืชหลังนา ทำให้การสะสมของโรคและแมลงศัตรูมันฝรั่งน้อยเมื่อเทียบกับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ทั้งนี้ต้องปลูก
ในช่วงที่เหมาะสม คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม ที่เป็นช่วง
ฤดูหนาวจึงส่งผลให้มันฝรั่งเจริญเติบโตได้ดีขึ้นด้วย ที่สำคัญเกษตรกร
ต้องมีแหล่งน้ำสำรองสำหรับการให้น้ำตลอดอายุของการปลูก เพราะมันฝรั่งต้องการน้ำเฉลี่ยประมาณ 6-8 มม.ต่อวัน
ผลจากการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันฝรั่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านแปลงทดสอบ 14 แปลง ที่ จังหวัดสกลนคร 12 แปลง และนครพนม 2 แปลง พบว่าการใช้พันธุ์มันฝรั่งคุณภาพของกรมวิชาการเกษตรสามารถเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรได้เฉลี่ยจาก 2.9 ตันต่อไร่ เพิ่มเป็น 3.6 ตันต่อไร่ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 6,905 บาทต่อไร่
นายกิติพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นทำให้เกษตรกรให้การตอบรับในเรื่องของคุณภาพของหัวมันฝรั่งของกรมวิชาการเกษตรเป็นอย่างดี อีกทั้งทางภาคเอกชน ผู้ประกอบการ 3 บริษัทหลัก ที่เป็นผู้รับซื้อผลผลิตของเกษตรกร ต่างก็ต้องการให้กรมวิชาการเกษตรส่งเสริมให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่
กระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการนำเข้ามันฝรั่งจากต่างประเทศ ฉะนั้น ตนมองว่าการขยายผลการผลิตมันฝรั่งในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่องคือการปรับเทคโนโลยีการผลิตที่สามารถช่วยลดต้นทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตมันฝรั่งของเกษตรกรในปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีที่ใช้กันอยู่ที่เฉลี่ย 5 กระสอบต่อไร่ รวมถึงค่าจ้างแรงงานเก็บเกี่ยว รวมแล้วต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อไร่ ขณะที่ได้ผลผลิตเฉลี่ย 3.5 ตันต่อไร่ ขายผลผลิตได้กิโลกรัมละ 12 บาท จึงเหลือกำไรสุทธิประมาณ 10,000 บาทต่อไร่ ซึ่งแผนงานในปี 2560 ก็จะมุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีการผลิตมันฝรั่งเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยตั้งเป้าลดต้นทุนลงอย่างน้อย 20%
“มันฝรั่งจึงถือเป็นพืชที่มีศักยภาพสูงในพื้นที่ภาคอีสานอีก
ชนิดหนึ่งที่น่าจับตามอง เพราะสามารถปลูกเป็นพืชหลังนาสร้างรายได้ดี
ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการปลูกพืชทดแทนนาข้าว และที่สำคัญยังเป็นพืชที่อยู่ในระบบสัญญาข้อตกลงการผลิต หรือ
คอนแทร็คฟาร์มมิ่งกับบริษัทเอกชน 3 บริษัทใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนและรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ที่เรียกว่ามีเท่าไรก็รับซื้อหมดเพราะยังไม่เพียงพอต่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมแปรรูปมันฝรั่งทอดกรอบในประเทศไทย” นายกิติพร กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี