จากบทประพันธ์กาพย์เห่เรือในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในคราวที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ในวันที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2539 โดยใช้บทประพันธ์กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติปีกาญจนาภิเษก ในปีมหามงคลโอกาสทรงครองราชย์สมบัติครบ 50 ปี ที่ประพันธ์โดย นาวาเอก(พิเศษ) ทองย้อย แสงสินชัยอดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ทหารเรือ โดยมี นาวาโทณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ หัวหน้าแผนกเรือพระราชพิธีเป็นผู้ขับลำนำ
นาวาเอก (พิเศษ) ทองย้อย แสงสินชัย อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ทหารเรือ อายุ 72 ปี เป็นชาวบ้านชุมชนวัดเขาเหลือ เขตเทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันออกมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายหลังเกษียณอายุราชการด้วยการยึดหลักตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นจิตอาสาช่วยงานทางสังคม เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในโครงการเรียนรู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทให้กับเยาวชน นักเรียนนักศึกษา และเป็นมรรคนายก ณ วัดมหาธาตุวรวิหารพระอารามหลวง สมรสกับนางสุดใจ แสงสินชัย อดีตข้าราชการครูวิชาภาษาไทยวิทยาลัยเทคนิคราชบุรีมีบุตรธิดา 3 คน ทำงานบริษัทเอกชนและรับราชการทหารเรือ
นาวาเอก(พิเศษ) ทองย้อย เผยถึงความปลื้มปีติ ที่ได้มีโอกาสสนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาทเป็นผู้ประพันธ์บทกาพย์เห่เรือในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค อีกทั้งยังเคยได้มีโอกาสเข้ารับประกาศนียบัตร พระราชทานพัดยศเปรียญธรรม ทรงตั้งเป็น “เปรียญ 9 ประโยค” เมื่อปีพุทธศักราช 2511 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งนับได้ว่าเป็นบุญญาธิการของตนเองและวงตระกูล ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์จึงลาสิกขา เมื่อปี 2517 และเข้าทำงานเป็นนักวิชาการมูลนิธิภูมิพโลภิกขุวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร จากนั้น ปี พ.ศ. 2521 ได้เข้ารับราชการเป็นนักภาษาโบราณกองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร จนตัดสินใจเข้าถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทเข้ารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพเรือเมื่อปี 2524 จนเกษียณอายุราชการ ในระหว่างรับราชการทหารเรือนั้นตนได้มีผลงานทางหนังสือได้เขียนกาพย์กลอน รวมทั้งบทความวิชาการต่างๆ ซึ่งรวมเรียกว่า “ผลงานหนังสือ” ไว้หลายเรื่อง บางเรื่องพิมพ์เผยแพร่แล้ว บางเรื่องยังไม่ได้พิมพ์ อาทิ กลอนนิราศเรื่อง ลำนำลำน้ำแควน้อย บรรพชาปวัตน์คำกลอน บทกลอนชนะเลิศรางวัลเคนเนดีทางวรรณคดี และเพลงฉ่อยนำชมเมืองราชบุรี
นาวาเอก(พิเศษ) ทองย้อย ยังกล่าวอีกว่า กาพย์เห่เรือในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตนเองได้เป็นผู้ประพันธ์ทั้ง 6 คราว อาทิปี 2539 เป็นครั้งแรก ในบทเฉลิมพระเกียรติปีกาญจนาภิเษก ครั้งที่ 2ปี 2542 บทกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ครั้งที่ 3 ปี 2546 บทกาพย์เห่เรือเอเปก ในโอกาสประชุมเอเปก ในประเทศไทย เมื่อ 20 ตุลาคม ครั้งที่ 4 ปี 2549 บทกาพย์เห่เรือฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ครั้งที่ 5 ปี 2550 บทกาพย์เห่เรือ 80 พรรษา และปีสุดท้าย ครั้งที่ 6 ปี 2555 บทกาพย์เห่เรือ ครบ 7 รอบซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินการจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค นับว่าตนเองได้รับเกียรติอย่างสูงสุดที่ได้เป็นผู้ประพันธ์ โดยที่ตนเองได้นำความรู้ความสามารถประกอบกับความจงรักภักดีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้ตั้งใจและประพันธ์บทกาพย์เห่เรือถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทในครั้งนี้
นาวาเอก(พิเศษ) ทองย้อย เผยความประทับใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ในการประพันธ์บทกาพย์เห่เรือที่ประทับใจมากที่สุดคือ “แผ่นดินที่ทรงครอง แผ่นดินทองแผ่นดินธรรม คราวเข็ญเข้าครอบงำ ทรงดับเข็ญทุกคราวครัน เหน็ดเหนื่อยนั้นหนักนัก ทรงงานหนักอเนกอนันต์ วันพักเพียงสักวัน ก็แสนน้อยดูนานเกิน วังทิพย์คือท้องทุ่ง ม่านงามรุ้งคือเขาเขิน ร้อนหนาวในราวเนิน มาโลมไล้ต่างรสสุคนธ์ ย่างพระบาทที่ยาตรายาวรอบหล้าฟ้าสากล พระเสโทที่ถั่งทน ถ้าไหลรวมคงท่วมไทย”
นอกจากนี้ยังมีบทที่ภาคภูมิใจอีกบทคือแต่งกาพย์เห่เรือเอเปก ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปก (กาพย์เห่เรือที่แต่งในงานนี้มี 2 บท คือ ชมเรือกระบวน และ ชมเมือง) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้นำของชาติต่างๆ ที่เข้าชมในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ทราบว่าพระองค์เสด็จสวรรคต ตนและครอบครัวต่างมีความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากตนเองและครอบครัวได้รับใช้งานใต้เบื้องพระยุคลบาทมาโดยตลอด เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแม้จะเกษียณอายุราชการมาแล้วก็ยังคงทำหน้าที่เพื่อสังคมและถ่ายทอดพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ให้กับเยาวชนและนักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้สืบไป
สิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี