นายบรรพต มามาก เลขานุการกลุ่มนาแปลงใหญ่ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่าแต่เดิมเกษตรกรในพื้นที่จะปลูกข้าวเพื่อส่งโรงสีทั่วไป มีการเมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณมากและใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูข้าวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับชาวนาทั่วไป แต่เมื่อมีโครงการส่งเสริมนาแปลงใหญ่ผนวกกับได้รับการอบรมจากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ทำให้เกษตรกรสมาชิกนาแปลงใหญ่มีความรู้เรื่องการลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์เปลี่ยนวิธีการทำนาหว่านมาทำนาประณีตคือนาหยอด นาดำ และลดการใช้สารเคมีโดยใช้เท่าที่จำเป็นและใช้ตามคำแนะนำทางวิชาการ ส่วนปุ๋ยเคมีก็จะปรับลดและหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นเองในกลุ่ม
ผลจากการรวมกลุ่มทำนาแปลงใหญ่สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวของสมาชิกได้จำนวนมาก ที่สำคัญ คือ เรื่องการตลาดที่มีการเชื่อมโยงกับโรงสีในพื้นที่ที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายผลผลิตข้าวแปลงใหญ่ที่ได้มาตรฐานในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ทำให้เกษตรกรมีความเชื่อมั่นในการผลิตข้าวคุณภาพและมีตลาดรองรับที่แน่นอนยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มยังได้ระดมทุนจากสมาชิกจัดตั้งโรงสีข้าวของกลุ่มเอง ควบคู่กับใช้งบของ ธ.ก.ส.ในการซื้ออุปกรณ์และเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อข้าวคุณภาพ GAP เพื่อทดลองขับเคลื่อนแปรรูปข้าวคุณภาพจำหน่ายในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียง โดยขณะนี้สามารถแปรรูปข้าวคุณภาพมาตรฐาน แบ่งเป็น ข้าวกล้องขายส่งราคา 40 บาทต่อกก. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขายในราคา 60 บาทต่อกก. หักค่าบริหารจัดการแล้วจะเหลือรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000 บาทต่อตัน ซึ่งทางกลุ่มคิดว่าเมื่อเรามีโรงสีเป็นของเราเอง รายได้ก็จะตกเป็นของสมาชิกและชุมชนทั้งหมด คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการผลิตข้าวมากขึ้น 2-3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับการขายข้าวเปลือกให้โรงสี ที่สำคัญทางกลุ่มยังได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อยอดนำของเหลือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรำข้าว แกลบ ปลายข้าว มาแปรรูปเป็น น้ำมันรำข้าว ซีเรียล หรือทำเป็นอาหารจากแป้ง เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทุกส่วนของข้าว เกษตรกรจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด
“วันนี้ต้องขอบคุณกรมการข้าวที่ส่งเสริมชาวนามาตั้งแต่ 9 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้เกิดโครงการนาแปลงใหญ่ ทำให้วันนี้จากเกษตรกรเป็นเพียงผู้ปลูกข้าวส่งโรงสี สามารถยกฐานะขึ้นเป็นผู้ประกอบการเองได้ แต่ยังไงเกษตรกรก็ต้องเก็บข้อมูลพยายามหาทางศึกษาพัฒนาตนเองนอกจากจะรับจากหน่วยงานรัฐหรือเอกชนเท่านั้น ที่สำคัญเกษตรกรต้องยึดมั่นในอาชีพ อย่าคิดว่าปลูกข้าวมีแต่ราคาตกต่ำ เพราะถ้าเก็บทุกส่วนของข้าวมาทำประโยชน์ จะทำให้ราคาข้าวไม่ต่ำอย่างที่คิด แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องพยายามผลิตข้าวให้มีคุณภาพ เป็นข้าวปลอดภัยหรือข้าวอินทรีย์ให้ได้” นายบรรพต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี