เปิดพระอุโบสถ”วัดพระแก้ว”
สวดมนต์13บท
เจริญจิตตภาวนาถวายพ่อหลวง
สำนักพุทธจัดอุปสมบทหมื่นรูป
เผยยอดเข้าสักการะวันละ3หมื่น
ล้นสนามหลวงอีก 1.3แสนราย
รัฐปรับแผนอำนวยความสะดวก
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เวลา 07.10 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาองค์โตและพระธิดาองค์เล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่ 23
จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติหรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 4 พฤศจิกายนจากนั้นถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม ก่อนเสด็จกลับ
ปชช.ทยอยสักการะต่อเนื่อง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณเต้นจุดรอคอยได้มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมานั่งพักอยู่ภายในเต้นรอคอยเริ่มจากหน้ากรมศิลปากร ผ่านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารและ มีแถวยาวไปถึงแยกท่าพระจันทร์ หลายคนยืนสงบนิ่ง เพื่อรอเข้ากราบถวายสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้น เวลา 05.00น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนชุดแรกเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เป็นวันที่ 7 โดยเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี ตั้งแถวหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนทยอยเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพฯพร้อมได้รับภาพพระบรมโกศพระบรมศพสี่สีพระราชทานกลับไปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้นำน้ำดื่มพระราชทาน น้ำสมุนไพรพระราชทาน ผ้าเย็น มาแจกจ่ายให้ประชาชนคลายร้อนด้วย
ส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำข้าวเปลือกพันธุ์ดีบรรจุถุง มีข้อความว่า"พอเพียง"มามอบให้ประชาชนวันละ 30,000ถุงเพื่อนำกลับไปเป็นระลึกตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
ชาวแม่อายปลื้มประทับใจ
ด้าน นางจันทร์สม มณีจักร อายุ 68 ปี ชาว ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าตนและเพื่อนบ้านกลุ่ม"ธรรมะสู่บ้าน" จำนวน22คน ได้นั่งรถไฟฟรี16ชั่วโมงมาจากจ.เชียงใหม่ ตั้งใจมากราบถวายสักการะพระบรมศพ โดยครั้งแรกได้มากราบสักการะไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ฝนตกหนักมาก หลังจากนั้นพากันนั่งรถไฟฟรีไป อ.หัวหินเพราะอยากไปเห็นบ้านของพ่อหลวงและก่อนกลับเชียงใหม่จึงแวะมากราบถวายสักการะพระบรมศพฯอีกสักครั้ง โดยได้เข้าเป็นคณะแรกตอนตี 5 รู้สึกซาบซึ้งดีใจมาก จะขอน้อมนำคำสอน ในเรื่องความประหยัดมาใช้ในชีวิตประจำวันและจะอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เป็นคนดี
นางสาวเกษณี คำอ่อง อายุ 59 ปี ชาว ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตอนสมัยอายุประมาณ17ปี ได้คัดเลือกใหเข้ารำถวายหน้าพระพักตร์ในหลวงขณะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ อ.แม่อาย รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก ยังจำภาพประทับใจไม่เคยลืม ที่พระองค์พูดคุยกับประชาชนอย่างใกล้ชิดโดยไม่ถือพระองค์ รู้สึกเสียใจมากที่ทราบข่าวเสด็จสวรรคต พระองค์เป็นผู้ให้มาตลอด เหมือนเป็นเทพมาช่วยประชาชน ไม่เพียงแต่คนไทย ยังแผ่ไปยังต่างประเทศทั่วโลก อยากให้พระองค์ท่านดลใจให้ประชาชน รักสามัคคีกัน
นางทองเสี่ยน บุญรอด ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า วันที่ในหลวงเสด็จสวรรคตทุกคนเงียบหมด มีแต่เสียงร้องไห้น้ำตาตกใน เหมือนสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง โดยตั้งใจมากราบถวายสักการะพระบรมศพฯอธิษฐานว่าขอให้พระองค์ท่านคุ้มครอง สัญญาว่าจะทำดีต่อไป ที่ผ่านมาได้ทำความดีโดยตลอด เป็นจิตอาสาออกไปช่วยเหลือชุมชน ชมรมผู้สูงอายุ ช่วยแพทย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยติดบ้าน และผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเด็กอ่านหนังสือไม่ออก ภายในครอบครัวก็ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงใช้จ่ายประหยัด อดออม ทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักแบบผสมผสาน
กอร.รส.ลุยจัดระเบียบจิตอาสา
ที่ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร(กทม.)กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกอร.รส. ว่าช่วงที่ผ่านมามีประชาชนเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงประมาณ 130,000คน และมี30,000คน ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพ ดังนั้น คนที่เหลือ จึงเป็นคนที่ไม่ได้เข้าสักการะพระบรมศพ บางคนเพียงแต่มาร่วมทำกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในสนามหลวงอาทิ ตัดผม นวด วาดภาพ สกรีนเสื้อและย้อมผ้าขอความกรุณาให้ออกจากพื้นที่และขอความร่วมมือคนที่จะมาจัดกิจกรรมให้เน้นเพื่ออำนวยความสะดวกคนที่เข้ามาสักการะ ส่วนเรื่องอาหารจะขอความร่วมมือให้แจกเป็นรอบ
อีกทั้งยังมีผู้ค้าแผงลอยยังคงนำสินค้ามาวางจำหน่าย พบว่ามีการกระทำบางอย่างมิบังควรและแอบอ้างถึงขั้นผ่านพิธีกรรมต่างๆ เน้นกลุ่มเป้าหมายคนต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรื่องอะไร กอร.รส.จะเอาคนกลุ่มนี้มาขึ้นบัญชีเช่นเดียวกับกลุ่มจักรยานยนต์อาสาที่รับเรียกเก็บเงินก็จะดำเนินการด้วย
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1กล่าวว่าในส่วนประชาชนที่มีความประสงค์ จะมาเพื่อสักการะ พระบรมศพที่พระบรมมหาราชวัง แต่ไม่ทราบเส้นทาง หรือ กลุ่มบุคคลที่เดินทางเป็นหมู่คณะที่ต้องการทราบจุดจอดรถ สามารถโทรมาสอบถามข้อมูลศูนย์จราจรกลางที่เบอร์1197เพราะได้มีจุดสำหรับจอดรถและจุดบริการรถฟรีจัดเตรียมไว้
หลังคุมเข้มยอดคนจรจัดลดลง
ขณะที่ นายณรงค์ คงคำ ผู้ตรวจราชการจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่าในการดูแลกลุ่มคนไร้ที่พึ่งพิงช่วง3 ที่ผ่านมาพบคนเข้าข่าย 148รายและเมื่อคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน พบ 25ราย โดยแบ่งเป็น กลุ่มคนที่มาค้างคืนเพื่อรอสักการะพบพระบรมศพ3ราย และ เป็นกลุ่มคนไร้ที่พึ่งพิง22 ราย ในการแก้ปัญหาจะเชิญตัวมาที่จุดคัดกรองซึ่งมีทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคาระห์ คอยสอบถามข้อมูลเพื่อแยกเป็นกรณี หากมีอาการเจ็บป่วยจะส่งไปยังสถานพยาบาล ถ้าจะพบมีอาการมึนเมาสุเราจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเป็นกลุ่มคนไร้ที่พึ่ง จะส่งไปยังบ้านมิตรไมตรี เป็นที่น่าสังเกตว่าสถิติช่วงหลายวันที่ผ่านมา จำนวนคนไร้ที่พึ่งลดลงอย่างน่าพอใจจึงขอฝากประชาชน หากพบบุคคลที่เข้าข่าย แจ้งมายัง กอร.รส. ได้
ทั้งนี้ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ รอง ผอ. กอร.รส. กล่าวว่าภาพรวมของการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย กอร.รส. ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว รวมถึงความปลอดภัยและการรักษาระเบียบความสงบเรียบร้อย ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเที่ยงมีประชาชนเข้าไปสักการระพระบรมศพแล้ว17,000 ยังคงมีเข้าคิวอีกประมาณ20,000คน จะประสานงานกับสำนักพระราชวังเพื่อให้ทุกคนได้เข้าสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง
จัดกำลังตร.ดูแลความปลอดภัย
เวลา 14.00น. ที่หน้าพระบรมมหาราชวัง พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการณ์รักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบสนามหลวงว่ามาตรการรักษาความปลอดภัย จะเน้นจุดคัดกรอง มีทั้งหมด 8จุด ได้กระจายกำลังลงในภายในพื้นที่โดยรอบจำนวน 7 กองร้อย ตำรวจนอกเครื่อง 30 นาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่งซึ่งจำนวน ที่ได้รับรายงานมีประชาชนเดินทางเข้ามาในท้องสนามหลวง ทั้งหมด 88,09 คน ส่วนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมวัดพระแก้ว 6,447 คน จากการตรวจสอบในจุดคัดกรอง ได้ตรวจยึดสิ่งของต้องห้ามได้ 121ชิ้น ส่วนใหญ่เป็น กรรไกร และมีดคัดเตอร์ ตลอดทั้ง ยังไม่เห็นการก่ออาชญากรรมจากมิจฉาชีพเลยสักคนและเรื่องของพ่อค้า แม่ค้าแผงลอย เจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพฯได้กวดขันเพื่อไม่ให้นำพระบรมฉายาลักษณ์มาจำหน่าย
เตือนห้ามนำของต้องห้ามเข้ามา
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมพงษ์ ยังได้ประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่จะเดินทางเข้ามา อย่านำของมีคมหรือสิ่งของต้องห้ามเข้ามาภายในท้องสนามหลวง หากตรวจพบจะยึดทันทีเพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงในส่วนของเรื่องเด็กพลัดหลง วันนี้มีเด็กพลัดหลงจำนวน 3 ราย ซึ่งส่งนำให้กับผู้ปกครองได้ทั้งหมด จึงแนะนำผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาให้ติดป้ายชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อป้องกันการพลัดหลง ซึ่งจะทำให้สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว
ระดมตร.1.4พันนายคุมเข้มจราจร
ด้านพล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รักษาการราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รท.รอง ผบช.น.)กล่าวถึงการจัดการจราจรโดยรอบพื้นที่สนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง เพื่อรองรับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะปิดการจราจรถนน 27 สาย เช่นเดียวกับที่เคยปิดในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา โดยจะกั้นรถไม่ให้เข้ามาในพื้นที่สนามหลวง ใน 4 จุดหลัก คือ ถนนราชดำเนินนอก แยก จปร.,ถนนหลานหลวง แยกหลานหลวง,ถนนบรมราชชนนี แยกอรุณอมรินทร์ และถนนสนามไชย แยกวงเวียนรักษาดินแดน ยกเว้นshuttle bus ที่จะมาส่งประชาชนตามจุดต่างๆ
ทั้งนี้ ทางบชน.ได้เพิ่มกำลังตำรวจจราจร1,400 นาย เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน และขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้บริการรถขนส่งที่จัดไว้บริการ หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุจราจร และข้อมูลสภาพจราจรเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02)หมายเลข1197 ได้ตลอด24ชั่วโมง หรือ WWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH
มท.เผยยอดลงนามทั่วไทย6.8ล้าน
ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย สรุปผลการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัย และการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ว่าประชาชนลงนามแสดงความอาลัย ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน จำนวนทั้ง 179,629 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนเป็นต้นมา จำนวนทั้งสิ้น 6,889,408 รายกิจกรรมสวดอภิธรรม จำนวนทั้งสิ้น 8,810,465 คน กิจกรรมการทำบุญตักบาตร จำนวนทั้งสิ้น 2,733,720 คน กิจกรรมอื่นๆ จำนวนทั้งสิ้น 2,374,144 คน
ปชช. มาถวายสักการะอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อช่าวรายงานว่า ประชาชนจากทั่วประเทศได้เดินทาง มาสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอย่างต่อเนื่อง มากกว่าวันทำการราชการ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจอย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ที่จะเข้าบริเวณสนามหลวงจะต้องผ่านจุดคัดกรองตรวจอาวุธ ของมีคม และบัตรประชาชน เพื่อป้องกันมิจฉาชีพชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด ในส่วนของหัวแถวประชาชนที่รอสักการะพระบรมศพอยู่ที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี และปลายแถวตัดที่สนามหลวงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกาเก่า โดยแถวที่เกินจากนั้น จำหน้าที่จำให้ไปเข้าคิวเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 100 คน ที่สนามหลวงฝั่งเหนือ เพื่อเตรียมไปเสริมส่วนท้ายแถวทันทีที่ว่าง
ต่อแถวจนล้นต้องรออีกวัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่กองประชามสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอความร่วมมือกับประชาชนที่จะเข้ามาต่อแถวเพื่อสักการะพระบรมศพ ในพระบรมมหาราชวังว่า ยอดคนที่เข้าวังได้ครบจำนวนแล้ว หากมาต่อแถวหลังจากนี้ จะไม่ได้เข้าพระบรมมหาราชวัง จึงขอความร่วมมือให้มาใหม่ในวันรุ่งขึ้น
แต่ต่อมา เจ้าหน้าที่ปลายแถวเข้าคิวแจ้งผ่านโทรโข่งว่ายังสามารถรองรับประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพได้อีก ทำให้ประชาชนเข้ามาต่อแถวเป็นระยะ ซึ่งจากการสอบถามประชาชนส่วนใหญ่ ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เสียใจถ้าวันนี้ไม่ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพ เพราะมีความจตั้งใจที่จะมาอยู่แล้ว พร้อมจะมาใหม่วันหลังได้
ม.รามฯจัดงาน“ธ สถิตในใจรามฯ”
ผศ.ลีนา ลิ่มอภิชาต รองอธิการบดี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง(มร.)เปิดเผยว่า มร. จัดงาน “ธ สถิตในใจรามฯ” ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 เวลา 16.30น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อแสดงความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ขอเชิญบุคลากร นักศึกษา นักเรียน ศิษย์เก่า รามคำแหง2 วิทยาเขตบางนา และประชาชนทั่วไป ร่วมแปรอักษร จุดเทียนแสดงความอาลัยและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยขอความร่วมมือแต่งกายสุภาพชุดสีดำ และนำเทียนไขสีขาวมาด้วยคนละ 1 เล่ม
ผู้สนใจเข้าร่วมงานแจ้งความจำนง หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ องค์การนักศึกษา โทร. 062-660-5407 หรือที่งานประชาสัมพันธ์ ม.ร.โทร. 02-310-8045-7
ช้าง10เชือกซ้อมใหญ่ก่อนเข้ากรุง
ที่เพนียดคล้องช้างอยุธยา ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ ประธานมูลนิธิพระคชบาล นำช้างจำนวน 10 เชือก และควาญช้าง ทำการซ้อมใหญ่ ก่อนเข้าร่วมถวายความอาลัยถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยการนำช้างที่มีลักษณะงาที่สวยงามทั้ง 10 เชือกนำโดยพลายวัง อายุ 45 ปี มาแต่งองค์ทรงเครื่องคชาภรณ์เสมือนวันจริง เพื่อเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์แบบที่สุดก่อนเดินทางเข้า กทม. เพื่อถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ในวันอังคารที่ 8 พ.ย.59 นี้
โดยพลายวัง จะทำหน้าที่นำขบวนอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ช้างเผือกในรัชกาลที่ 9 ส่วนการเดินทางตามกำหนดการ คือ เวลา 04.00 น. เดินทางด้วยรถบรรทุกจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะถึงหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนเวลา 06.00 น. โดยช้างจะแต่งแบบช้างศึกด้วยผ้าสีดำ รวมกับกลุ่มคนเลี้ยงช้างอีก 200 คน ก่อนเคลื่อนแถวในเวลา 09.09 น. ผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อยืนสงบนิ่งพร้อมถวายอาลัยและหมอบกราบ จากนั้น จะเดินทางกลับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยช้างทุกเชือกเป็นพ่อพันธุ์ชั้นดีของศูนย์เพาะขยายพันธุ์ช้างไทย วังช้างอยุธยาฯ และเคยถวายการแสดงต่อหน้าพระที่นั่งมาแล้ว ครั้งล่าสุดที่พระองค์เสด็จฯ มาที่ทุ่งมะขามหย่อง ปี พ.ศ.2555
ปราจีนบุรี ร่วมถวายอาลัย
วันเดียวกัน ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานในพิธีกล่าวถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมกันแปรตัวอักษร สัญลักษณ์ของโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีเลข 9 ไทย อยู่ภายใน และด้านนอกมีข้อความว่า นฤบดินทรจินดา ปราจีนบุรี
โดยมีข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เหล่ากาชาดจังหวัด พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา พสกนิกรชาวจังหวัดปราจีนบุรี กว่า 30,000 คน ร่วมพิธีถวายความอาลัย โดยร่วมกันยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 9 นาที จากนั้นร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายสัตย์ปฏิญาณ จะน้อมนำแนวทางตามพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส พระราชดำริ ที่ได้เคยพระราชทานไว้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
การจัดกิจกรรมถวายอาลัยและแปรอักษรในครั้งนี้ ได้มีผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี พ่อค้า ประชาชน ได้ร่วมกันนำอาหารและเครื่องดื่มจำนวนมาก มาบริการ สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีอีกด้วย
หนองคายทำดีเพื่อพ่อ
เช้าวันเดียวกัน ที่ร้านกาแฟโบราณ ตั้งอยู่เลขที่ 757 ชุมชนยอดแก้ว ถนนประจักษ์ศิลปาคม ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย นางศิริวรรณ ศิวายพราหมณ์ (อ่านว่า สิ-วา-ยะ-พาม) อายุ 54 ปี เจ้าของร้านกาแฟโบราณ พร้อมเพื่อนสมาชิกได้ร่วมกันจัดทำก๋วยเตี๋ยว700 ชาม น้ำปั่น กาแฟโบราณ และน้ำทุกชนิดไว้แจกจ่ายให้ประชาชนได้รับประทานและดื่มฟรี ซึ่งเป็นกิจกรรมทำความดีเพื่อพ่อหลวง
นางศิริวรรณ ศิวายพรามหณ์ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมทำความดีเพื่อพ่อหลวง เพราะเราเป็นพสกนิกรของพระองค์ แต่เราทำได้ไม่เหมือนท่านซึ่งท่านทำมาเยอะมาก เราทำได้เพียงน้อยนิดไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน เราอยากทำเท่าที่มีกำลังที่ทำได้ โดยร่วมกันทำอาหารให้ประชาชนมารับประทานฟรี ซึ่งมีก๋วยเตี๋ยว น้ำ น้ำปั่น ส้มตำ ขนมจีน
นางศิริวรรณ กล่าวต่อไปว่า ความสามัคคีเป็นสิ่งที่พ่อเคยสอนเคยสั่งไว้ ว่าพสกนิกรของพระองค์ท่านอยากให้รักกันไม่ให้แบ่งสี ซึ่งเราทำได้น้อยนิดเราก็ภูมิใจ และในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 จะทำก๋วยเตี๋ยว 2,000 ชาม พร้อมอาหารเครื่องดื่มไว้บริการประชาชนฟรีอีกครั้งหนึ่ง
สวดมนต์วัดพระแก้ว
เมื่อ เวลา 16.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) มหาเถรสมาคม ร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธี สวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมีสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม และกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เป็นประธานในพิธี โดยใช้บทสวดสำหรับงานพิธีอวมงคล มีทั้งสิ้น 13 บท
ประกอบด้วย ปุพพะภาคะนะมะกาโร, สะระณะคะมะนะปาโฐ, ปัพพะโตปะมะคาถา, อะริยะธะนะคาถา (ต่อ), อาทิตตะปะริยายะสุตตัง, สะติปัฏฐานะปาโฐ, ภาระสุตตะคาถา, ติลักขะณาทิคาถา, วิปัสสะนาภูมิปาโฐ, ปัฏฐานะมาติกาปาโฐ, ติอุทานะคาถา, ภัทเทกะรัตตะคาถา และ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง โดยมีพระเถรานุเถระในเขตกรุ่งเทพมหานคร เดินทางมาร่วมในพิธีกว่า 300 รูป ประกอบด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะฝ่ายปกครอง ในระดับต่างๆ ทั้งฝ่ายธรรมยุติ และมหานิกาย
แจกหนังสือสวดมนต์5พันเล่ม
ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้จัดเตรียมหนังสือบทสวดมนต์ไว้ จำนวน 5,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายประชาชนที่เดินทางมาร่วมสวดมนต์ พร้อมด้วยพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยประชาชนที่เดินทางมาร่วมในพิธีสวดพระพุทธมนต์ สำนักพระราชวัง ได้จัดเตรียมเก้าอี้นั่งบริเวณหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และบริเวณรอบกำแพงแก้วของพระอุโบสถ บนศาลาราย 12 จุดที่อยู่รอบวัดพระแก้ว และบริเวณพระระเบียงคดที่ทอดยาวรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเวลาเริ่มพิธี “สวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ประชาชนจำนวนมากต่างมาจับจองพื้นที่เพื่อร่วมสวดมนต์กันเต็มพื้นที่ที่สำนักพระราชวังจัดเตรียมไว้ให้ และภายหลังสวดมนต์ครบ 13 บท แล้ว ทุกคนได้เจริญจิตภาวนาประมาณ 10 นาที เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย
จัดอุปสมบทภิกษุหมื่นรูป
นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เผยว่า สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดโครงการอุปสมบททั่วประเทศ ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 10,000 รูป แบ่งเป็นจังหวัดละ 89 รูป แต่ตอนนี้มีการแจ้งความประสงค์เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้แล้ว โดยการอุปสมบทครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วัน) และครั้งที่สองจะมีขึ้นในวันที่ 20 ม.ค.2560 เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) โดยอุปสมบทเป็นเวลาครั้งละ 9 วัน
สำหรับพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2559
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี