ปัจจุบันอุบัติเหตุจากรถยนต์ในแต่ละวันนั้นมีอยู่มากมาย หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า หากเราประสบอุบัติเหตุแล้วอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิดเราสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากคู่กรณีของเราได้ โดยถ้าหากคู่กรณีมีประกันเราก็เรียกร้องให้คู่กรณีไปดำเนินการติดต่อประกันฝ่ายเขาให้เรา ซึ่งก็จะมีทั้งค่าขาดประโยชน์ระหว่างรถอยู่ในอู่ซ่อม ค่าเสียเวลาและรวมไปถึงค่าเสื่อมราคาจากการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย แต่อย่าลืมว่าทุกๆ ขั้นตอนนั้นจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน
สิ่งที่พึงปฏิบัติเป็นอันดับแรกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ คือจะต้องถ่ายรูปเก็บหลักฐานเท่าที่ทำได้ (หรือหากมีกล้องติดรถยนต์ก็จะดีมาก)เนื่องจากป้องกันข้อมูลที่อาจมีการผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ของประกันแจกใบเคลม สำหรับซ่อมแล้ว ก็ควรถ่ายสำเนา หรือถ้ามันลำบากเกินไปก็ใช้กล้องจากมือถือถ่ายให้เห็นหมายเลขใบเคลม และสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ออกใบเคลมด้วย และในการส่งรถเข้าอู่ซ่อมนั้นในใบแจ้งซ่อมจะต้องระบุวันที่นำรถเข้าอู่อย่างชัดเจน ควรจะมีสำเนาหรือถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อซ่อมเสร็จแล้วจะต้องขอรายละเอียดในการซ่อมจากอู่ ใบแจ้งซ่อม และมีวันที่ส่งมอบรถคืนที่ชัดเจน
ในการเรียกสินไหมนั้นจะต้องรวบรวมค่าใช้จ่ายและรายละเอียดที่จะขอสินไหมทดแทนในช่วงที่ส่งรถเข้าอู่ซ่อม ทำให้เสียประโยชน์ โดยแจงรายละเอียดให้ชัดเจน อย่างเช่น ในส่วนของค่าเดินทางไปทำงานที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นระหว่างที่รถเข้าอู่ รายได้ที่ควรจะได้จากการที่ไม่สามารถใช้รถได้ระหว่างที่รถต้องเข้าอู่ซ่อมเพราะขาดรถใช้ประกอบอาชีพในกรณีของรถแท็กซี่ หรือรถรับจ้าง หลักฐานค่าใช้จ่าย ใบเสร็จต่างๆ จะทำให้การขอค่าสินไหมชดเชยมีน้ำหนักมากขึ้น
ขั้นตอนของการเรียกสินไหมในการเรียกสินไหมนั้นจะต้องแจ้งขอยื่นเรียกค่าสินไหม ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หากทางบริษัทประกันไม่ได้มีเงื่อนไขอื่นที่จะปฏิเสธ โดยทั่วไปนั้นเอกสาร
ที่จะต้องส่งให้ประกันมีดังนี้
-หนังสือแจ้งความจำนง พร้อมสำเนาหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
-สำเนาใบเคลมหรือรายละเอียดการซ่อม (ของเรา) และเอกสารที่ระบุวันรับรถและส่งคืนรถ
-สำเนาใบเคลมคู่กรณี
-สำเนาบัตรบัตรประชาชนพร้อมสำเนาหน้ากรมธรรม์ของเรา (ถ้ามี)
-สำเนาทะเบียนรถ
โดยส่วนใหญ่ประกันจะให้ส่งทางแฟกซ์ (Fax) เมื่อส่งเอกสารไปแล้วก็ต้องโทร.สอบถามด้วยว่าเอกสารได้รับครบหรือไม่ เอกสารชัดเจนหรือไม่ หรือขาดตกบกพร่องหรือไม่ พร้อมกับขอหมายเลขเรื่อง หรือขอชื่อผู้รับเรื่อง เพื่อการตามเรื่องจะได้สะดวกขึ้น และอย่าลืมถามวันที่ทางประกันจะติดต่อกลับหาเราด้วย และเมื่อบริษัทประกันติดต่อกลับแล้วมักจะมีการต่อรองราคาค่าใช้จ่ายกับเรา ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากการต่อรองจบสิ้นด้วยดี บริษัทประกันภัยจะส่ง (fax) ใบตกลงรับค่าสินไหมให้เราลงชื่อยอมรับตามที่ตกลงกันไว้ก่อนลงลายเซ็นยอมรับควรอ่านให้ละเอียดก่อนว่าตรงกับที่ตกลงกันหรือไม่และส่ง (fax) กลับคืนเขาไป
ส่วนในการรับค่าชดเชยอาจจะเป็นเงินสด เช็ค หรือโอนเงินเข้าบัญชีก็แล้วแต่วิธีการของบริษัทประกันนั้นๆ แต่ถ้าหากประกันไม่รับผิดชอบ โดยใช้ข้ออ้างอันใดก็ตาม ผู้ขอค่าสินไหมสามารถไปร้องเรียนได้ที่ คปภ.ได้เลย ทาง คปภ. จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกับประกันให้กับเรา
กล่าวโดยสรุปคือการเรียกค่าสินไหมทดแทนค่าเสียหายของรถยนต์เป็นสิทธิ์ที่ผู้ถูกละเมิด (ฝ่ายที่ถูกชน) สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าผู้กระทำละเมิด (ฝ่ายผิด) จะมีประกันภัยคุ้มครองหรือไม่ก็ตาม ไม่เพียงแต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ยังรวมถึงค่าความเสียหายอื่นที่เกิดขึ้นเพราะเนื่องจากไม่สามารถใช้รถได้อีกด้วย
แหล่งที่มาของข้อมูลจาก http://news.unseencar.com/tag/การเรียกค่าสินไหมทดแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี