25 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานจอดรถแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกไพรวัลย์ ต.คลอง เฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประมาณ 300 นาย เข้าตรวจสอบที่พักไพรวัลย์รีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกไพรวัลย์

พบว่าไพรวัลย์รีสอร์ทตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ สปก. ซึ่งเจ้าของที่ดินใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์และยังได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ เดินทางไปทำการตรวจยึดและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการล่องแก่งโตนหินลาด ท้องที่ หมู่ที่ 9 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง เนื่องจากตรวจสอบพบว่าได้เปิดกิจการทำธุรกิจอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติประมาณ 32 ไร่ และผู้ประกอบการได้ใช้พื้นที่ปลูกสร้างอาคารและลานจอดรถจำนวน 3 ไร่

ซึ่งขณะที่เข้าทำการตรวจยึดเจ้าของกิจการล่องแก่งโตนหินลาด ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.กงหรา จ.พัทลุง เพื่อเรียกเจ้าของกิจการล่องแก่งโตนหินลาด มาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่จังหวัดพัทลุงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและทำการทวงคืนผืนป่า ทั้งที่จังหวัดพัทลุงมีพื้นที่จะต้องตรวจสอบและทวงคืนจากการบุกรุกประกอบธุรกิจของกลุ่มนายทุนจาก 6 อำเภอ ประมาณ 8,000 ไร่ เมื่อตรวจสอบแล้วมีความผิดชัดเจน ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ป่าสงวนทุกราย แต่ย้ำว่าจะทวงคืนจากกลุ่มนายทุนเท่านั้น คนจนก็มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินคนละไม่เกิน 25 ไร่ ส่วนที่เหลือก็จะทวงคืนเช่นกัน

สำหรับพื้นที่ล่องแก่งโตนหินลาดที่มีพื้นที่และอาคารสิ่งปลูกสร้างด้วยนั้น ในเบื้องต้นจะไม่รื้อถอนและจะมอบให้ป่าไม้หรือหมู่บ้านได้ดูแลไปก่อน หลังจากคดีสิ้นสุดแล้วก็ค่อยดูความเหมาะสมว่าจะทำอย่างไรต่อไป