15 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป หรือหลวงปู่ใหญ่ เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ วัดอารามหลวงที่จังหวัดอุดรธานี พระเกจิชื่อดังสายวัดป่ากับหลวงปุ่มั่น ได้ละสังขารแล้วเมื่อเวลา 20.00 น.รวมอายุได้ 105 ปี ที่รพ.จุฬาลงกรณ์และทางศิษยานุศิษย์จะได้เคลื่อนสรีระสังขารไปที่จ.อุดรธานีในวันนี้เวลา 09.30 น.
สำหรับอัตโนประวัติ "หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป" หรือ "พระอุดมญาณโมลี" หรือหลวงปู่ใหญ่ เป็นพระมหาเถระสายพระป่ากรรมฐานศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺตมหาเถระ แม่ทัพธรรมแห่งอีสานฝ่ายวิปัสสนาธุระ , เป็นพระผู้มากด้วยเมตตาที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาและเป็นแบบอย่างอันงดงามของพระภิกษุสงฆ์ สามเณรและประชาชนชาวอีสานมาอย่างยาวนาน ด้วยยึดหลักธรรมแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง มีพลังเกื้อหนุนจากธรรมะของครูบาอาจารย์ที่คอยสนับสนุนตลอดมา ปฏิปทาอันงดงามของหลวงปู่จึงเป็นครูของชีวิตที่คณะศิษยานุศิษย์ภาคภูมิใจยิ่ง
หลวงปู่จันทร์ศรี มีนามเดิมว่า จันทร์ศรี แสนมงคล เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2454 ตรงกับวันอังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ณ บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายบุญสารและนางหลุน แสนมงคล บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2468 ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านศิลา ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ปฏิบัติธรรมถึง 3 ปี ก่อนได้ร่วมเดินทางกับ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ และพระอาจารย์ลี สิรินฺธโร ออกแสวงหาความสงัดวิเวกตามป่าเขา เพื่อเข้ากรรมฐาน ปฏิบัติธุดงควัตร 13 ตามแบบพระป่ากรรมฐานอย่างเคร่งครัด
ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่ วัดศรีจันทราวาส ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2474 โดยมีพระครูพิศาลอรัญญเขต (จันทร์ เขมิโย) เจ้าอาวาสวัดศรีจันทราวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์มหาปิ่น ปญญาพโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ รับฉายาว่า “จนฺททีโป” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้มีแสงสว่างเจิดจ้าดั่งจันทร์เพ็ญ” มีโอกาสติดตามพระกรรมฐานผู้เคร่งวัตรปฏิบัติหลายรูป ก่อนมาศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
พ.ศ.2484 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร ให้ไปเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ที่สำนักเรียนวัดป่าสุทธาวาส ต.พระธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ในช่วงต้นพฤศจิกายน ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แม่ทัพธรรมแห่งอีสานฝ่ายวิปัสสนา ได้ไปพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร เป็นเวลา 15 วัน หลวงปู่ใหญ่มีโอกาสปรนนิบัติใกล้ชิด ก่อนถูกส่งไปเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ที่สำนักเรียนวัดธรรมนิมิตร ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นานถึง 10 ปี
ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2497 สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ให้มาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อทำศาสนกิจคณะสงฆ์ เนื่องจาก พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ชรามากแล้ว โดยแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ และผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธรรมยุต) ก่อนมาเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2505 พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) อาพาธด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี มรณภาพด้วยอาการสงบ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2507 พระอุดมญาณโมลี ครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระราชเมธาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์
ตลอด 52 ปี วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง(ธ) จากวัดที่เป็นต้นกำเนิดพระกัมมัฏฐาน “พระป่า”ก่อนเข้าสู่การปฏิบัติ จะต้องศึกษาและอบรมที่นี่ก่อน ก็ได้รับพระบรมราชานุญาตเป็น พระอารามหลวง และรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พระสงฆ์ต้องถือวัตรปฏิบัติ แบบอย่างเดียวกับวัดบวรนิเวศวิหาร , ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ , ศูนย์ศึกษาบาลีอีสาน (ธ) ของพระสังฆาธิการในภาค 8-9-10-11 , ศูนย์พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอุดรธานี หลวงปู่ใหญ่อายุย่างเข้าปีที่ 105 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมาจากนั้น“หลวงปู่ใหญ่” ได้เข้า รับการดูแลสุขภาพด้วยวัยชราอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลจุฬา กรุงเทพมหานคร จนท่านได้ละสังขารเมื่อเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมารวมอายุขัยได้ 105 ปี โดยในวันนี้เวลา 09.30 น. ทางศิษยานุศิษย์จะได้เคลื่อนสรีระสังขารของหลวงปู่ไปที่วัดโพธิสมภรณ์ จึงแจ้งศิษยานุศิษย์ให้ทราบโดยทั่วกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี