26 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 04.45 น. โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ ต่างมาเข้าคิวรออย่างเนืองแน่น
ด้าน เด็กชายณัฐวุฒิ เหมือนวดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวระหว่างนั่งรอเพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จึงได้เขียนเรียงความพร้อมกับเพื่อน ๆ ว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับคุณครู 7 คน และเพื่อนๆ นักเรียนรวม 20 คน เดินทางมาตั้งแต่ตี 5 ของวันที่ 25 ธ.ค.และมาถึงท้องสนามหลวง ตี 2 เพื่อเข้าคิวรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ
"รู้สึกดีใจมากที่ได้เดินทางมาวังของในหลวง ร.9 และได้เขียนเรียงความ เรื่อง การทำความดี เช่น การมีจิตอาสา การแบ่งปัน การมีความขยันอดทน และมีความพยายาม ทำอะไรต้องมีความอดทน ผมจะนำคำสอนของพระองค์มาปรับใช้ เช่น ความพอเพียง สิ่งไหนไม่ควรซื้อก็ไม่ต้องซื้อ ผมอยากให้มีในหลวงแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากเสียในหลวงไป ส่วนโตขึ้นผมอยากเป็นทหารจะได้ปกป้องประเทศชาติ" ดช.ณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน น.ส.วิภาวดี โสสุทธิ์ อายุ 36 ปี พร้อมด้วย นางวาริน พรหมรังษี อายุ 35 ปี และ น.ส.พรทิพย์ ฤกษ์ศรี อายุ 32 ปี ร่วมกันกล่าวว่า ตนทั้ง 3 คน พึ่งเรียนเสริมสวยสำเร็จและได้ทำงานร้านเสริมสวยที่เดียวกัน อยู่ที่เคหะเมืองใหม่บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังเลิกงานเมื่อคืนนี้ (25 ธ.ค.) ก็เตรียมตัวกันมาเลย โดยวันนี้ขอหยุดงาน 1 วัน ตั้งใจเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง ร.9 สักครั้ง โดยมาถึงท้องสนามหลวงเวลา 03.00 น. เพื่อมารอเข้าคิวขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพ
"พวกเราตื่นเต้นมาก เพิ่งมาเป็นครั้งแรก พอก้าวเข้าประตูพระบรมมหาราชวัง ได้ยินเสียงปีพาท เสียงกลองดัง ก็จุกแล้ว น้ำตาไหล คิดถึงพระองค์ ตื้นตันใจที่ได้มา และดีใจที่เห็นคนไทยมากราบพระองค์ท่านเยอะมาก ที่ผ่านมาก็ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ โดยเฉพาะหลักเศษรฐกิจพอเพียง ที่บ้านต่างจังหวัดของก็ปลูกผักเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไว้กินเอง ประทับใจพระองค์ท่านในเรื่องความประหยัด ในการใช้ยาสีฟัน ที่พระองค์ท่านทำเป็นแบบอย่าง ซึ่งพวกเราก็ได้นำมาปรับใช้ และภูมิใจที่ในหลวง ร.9 ได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆ ไว้หลายอย่าง และมีโครงการในพระราชดำริหลายอย่างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนไทยได้ใช้ดำเนินชีวิตที่สุขสบาย บอกไม่ถูกว่ารักในหลวง ร.9 แบบไหน รู้แต่ว่ารักพระองค์มาก รักแบบพ่อที่ประเสริฐที่สุดที่คอยดูแลลูก ๆ อยากให้คนไทยรักกันและรู้หน้าที่ของตนเองเหมือนกับที่พระองค์ท่านยังอยู่"
ขณะที่ นางสุภาพร โยธี อายุ 42 ปี ชนเผ่าเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ พร้อมกับสามีและลูกสาว เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวเดินทางมาพร้อมกับชนเผ่าเยอ กว่า 50 คน เดินทางมาด้วยใจ อยากมากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สักครั้งด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ในหลวง ร.9 ทรงมีต่อพวกเราชนเผ่าเยอ ดังหลักฐานทางภาพถ่ายและวิดีโอ ที่พระองค์ทรงเสด็จฯ ทอดกฐิน ที่วัดปราสาทเยอ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2514 สร้างความร่มเย็นให้กับพวกเราชาวชนเผ่าเยอจนถึงทุกวันนี้ สำหรับวันนี้ รู้สึกตื้นตันที่ได้รับข้าวเปลือกพระราชทาน โดยจะนำไปบูชาและอีกส่วนนำไปหว่านในนาข้าวของตนเองเพื่อเป็นสิริมงคล
ด้าน น.ส.เก็จวดี กลขุนทศ อายุ 20 ปี ชนเผ่าเยอ นักศึษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ชื่นชมในหลวง ร.9 ในเรื่องของความซื่อสัตย์ เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงแข่งเรือใบ โดยพระองค์ทรงออกเรือก่อน เพราะทรงเข้าพระราชหฤทัยสัญญาณผิด และเมื่อรู้ว่าผิดจึงทรงกลับมาเริ่มต้นใหม่ ทำให้ตนประทับใจและยึดถึงเรื่องความซื่อสัตย์ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี