23 ม.ค. 61  จากกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงวัย 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกัน โดยมีหลักฐานการแชทพูดคุยกันทางไลน์ของทั้งคู่ ซึ่งสนทนากันในเชิงชู้สาวข้อความหวานซึ้ง ต่างฝ่ายต่างเรียกกันละกันว่า ที่รัก ขณะที่ตัวของ ผอ.โรงเรียนก็เรียกน้องนักเรียนหญิงว่า เมีย โดยทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนรายนี้แล้ว

ล่าสุด หลังจากสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ลักษณะแอบคบหากันฉันชู้สาว พร้อมสอบปากคำคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู ผู้ปกครอง และเพื่อนของเด็กนักเรียนหญิงที่เป็นข่าว ซึ่งล่าสุดผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ได้มีคำสั่งย้ายด่วนผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคีแล้ว

นายศุภพงษา จันทรังษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 เปิดเผยว่า  จากกรณีที่มีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นภายในโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี ล่าสุด นายสนอง สุดสะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ได้มีคำสั่งด่วนให้ย้าย นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี ให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 โดยให้มีผลทันที พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาได้ลงพื้นที่ทำงานอย่างอิสระ ไม่มีความกดดัน  โดยให้รายงานผลภายใน 7 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้อำนวยการฯ ผู้ที่ถูกกล่าวหา ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง  เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง  2 ฝ่าย อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับ นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี ได้ เนื่องจากไม่ยอมมาโรงเรียน และปิดโทรศัพท์มือถือจนขาดการติดต่อ

 อย่างไรก็ตามตามบทของกฎหมายแล้ว พฤติกรรมที่ ผอ.โรงเรียนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับลูกศิษย์เด็กนักเรียนหญิง ม.2 อายุ 14 ปี ถือเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง อีกทั้งลูกศิษย์ก็ยังมีอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งหากพบว่าผิดจริงต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัย ซึ่งถือว่าผิดวินัยร้างแรงโทษถึงขั้นไล่ออก และยังมีความผิดทางอาญาด้วย

 ทั้งนี้จากการสอบถามเพื่อนนักเรียนของเด็กนักเรียนหญิงที่เป็นข่าวกับ ผอ.โรงเรียนทราบว่า หลังจาก ผอ.คนนี้ย้ายมาประจำที่โรงเรียนแห่งนี้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผอ.โรงเรียนมักจะมีพฤติกรรมทำนองชอบพอกับเพื่อนนักเรียนหญิงที่ตกเป็นข่าวด้วยกัน โดยเพื่อนนักเรียนหญิงของตนเคยบอกว่า ได้ตกหลุมรัก ผอ. และเป็นความรักต่างวัย ที่พร้อมทั้งยังเคยบอกกับเพื่อนนักเรียนด้วยกันว่า ผอ.สัญญาว่าจะไปสู่ขอเพื่อนนักเรียนหญิงของตนในวันที่ 14  กุมภาพันธ์นี้