‘ไอ้เกล้า’ส่ออ่วม
เมียนมาแจ้งเชือด5ข้อหาหนัก
มีอาวุธสงคราม-ค้ายานรก
ลอบเข้าเมือง-ชนแล้วหนี
ส่งฟ้องศาล7กุมภาพันธ์นี้
ตร.เมียนมารวบ “เกล้า” คนพา “แก๊งเปรี้ยว” หนีคดี หลังข้ามแดนหนีกบดาน ถูกตั้ง 5 ข้อหาหนัก ส่งฟ้องศาล 7 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนส่งกลับไทย พบพัวพันเครือข่ายยานรก ลอบขนเข้าไทยครั้งละนับแสน ทำมาแล้ว 3 หน
เมื่อวันที่ 28มกราคม มีรายงานข่าวจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา แจ้งว่า ตำรวจเมืองเชียงตุง ได้จับกุม นายธวัชชัย อ้อมชมพู หรือเกล้า อายุ 30 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี และศาลจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งพัวพันกับ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 25 ปี กับพวก ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย สาวร้านคาราโอเกะ ในพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยจับกุมนายธวัชชัย ไว้ได้ระหว่างที่หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก
ทั้งนี้ ทางการเมียนมา ดำเนินคดีกับนายธวัชชัย ใน 5 ข้อหา ได้แก่ ข้อหามีรถยนต์โดยไม่เสียภาษี , เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง , ขับรถชนแล้วหนีทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย , มีอาวุธสงคราม และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง และข้อหาเสพยาเสพติด โดยทางตำรวจจะคุมตัวขึ้นศาลเมืองเชียงตุง เพื่อตัดสินคดีในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น.
สำหรับนายธวัชชัย ถูกจับกุมระหว่างขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน 1P 1836 รัฐฉาน ไปตามถนนอาร์สามบี จาก จ.ท่าขี้เหล็ก ชายแดนเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปยังเมืองเชียงตุง แต่พบด่านเจ้าหน้าที่แล้วเกรงว่าจะถูกจับกุม จึงหักรถขับหลบหนี แต่เป็นเพราะถนนแคบจึงไปชนจักรยานยนต์ชาวบ้าน 4 คัน กระทั่งถูกจับกุมตัว โดยในรถมีหญิงสาวเมียนมา นั่งไปด้วย 2 คน นอกจากนี้พบอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนขนาด 9 มม.2 กระบอก กระสุนปืนกว่า 1,200 นัด
จากการสอบสวนนายธวัชชัย อ้างว่าจะเดินทางไปเที่ยวน้ำตกเจ็ดชั้น เมืองเชียงตุง ระหว่างทางได้แวะเมืองแพรก ซื้อบริการหญิงสาวทั้ง 2 เพื่อชวนไปด้วย แต่เมื่อพบด่านตรวจ เกรงว่าจะถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารใดๆ ติดตัว ส่วนกรณีที่พบกับ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว ระหว่างหลบหนีคดีจากประเทศไทยมาอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา น.ส.ปรียานุช ได้อ้อนวอนให้ช่วยหาที่พักให้จึงใจอ่อนพาไปพักที่สวนยางพาราของแฟนตน ในเขตเมืองไฮ แต่ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก จึงพา น.ส.ปรียานุช กับพวก มาปล่อยแถวตลาดบ้านสันทรายไต จนทั้งหมดถูกจับกุมในที่สุด
ส่วนสาเหตุที่นายธวัชชัย ตัดสินใจหลบหนีจากประเทศไทย เพราะเคยถูกจับกุมคดีครอบครองยาเสพติด ที่ จ.ปทุมธานี และถูกสอบขยายผลให้ซัดทอดถึงพรรคพวกที่ร่วมกระทำความผิด แต่นายธวัชชัย ไม่ต้องการซัดทอดถึงใคร จึงหลบหนีดังกล่าว เนื่องจากรู้จักกับหญิงสาวที่คบหากันอยู่ ช่วยหาที่พักให้ และปัจจุบันมีแฟนสาวชาวเมียนมาถึง 7 คน
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่หลบหนีอยู่ในเมียนมา นายธวัชชัย อาศัยกับคนกลางที่คอยติดต่อกับเครือข่ายค้ายาเสพติดเมืองไฮ กับกลุ่มผู้ค้ายาในประเทศไทย เมื่อมีการตกลงซื้อขายกันแล้ว ก็จะรับหน้าที่ส่งยาไปยังจุดหมาย โดยเฉพาะที่ กทม.ครั้งละ 100,000 เม็ด มีการให้ความเชื่อถือ หรือเครดิต ไม่ต้องจ่ายเงินสด โดยปี 25690 ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม , เดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน แต่ละครั้งมีมูลค่าของยาเพสติด ประมาณ 1.5 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางการเมียนมา ยังไม่ได้ประสานเรื่องการมอบตัวนายธวัชชัย หรือเกล้า มายังด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย แต่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เมียนมา แจ้งข่าวให้ ป.ป.ส.ประเทศไทย ทราบแล้ว ส่วนการส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น อาจต้องรอให้คดีที่ประเทศเมียนมา สิ้นสุดลงเสียก่อน
ทั้งนี้ สำหรับอัตราโทษตามฐานความผิดต่างๆ ที่นายธวัชชัย ถูกดำเนินคดี ประกอบด้วย ครอบครองอาวุธ มีโทษจำคุกอย่างน้อย 3 ปี , ข้อหาเสพยาเสพติด มีโทษจำคุกอย่างน้อย 5 ปี , เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 1 ล้านจั๊ต หรือประมาณ 25,000 บาท และข้อหาขับรถยนต์ชนแล้วหนี ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีโทษปรับและชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของทรัพย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี