วิเชียรแฉล่าสัตว์เปิดเผย
ซัด‘เปรมชัย’
แบกปืนเข้าป่าสนองกิเลส
เผยเสือดำคุ้นนักท่องเที่ยว
ศรีวราห์เล็งฟันติดสินบน
บิ๊กตู่ลั่นใครช่วย-โดนแน่
บิ๊กตู่ลั่นใหญ่แค่ไหนก็ผิด สั่งทำคดีเจ้าสัว“เปรมชัย”ตรงไปตรงมาห้ามใครช่วยเด็ดขาด ด้าน “บิ๊กเต่า” ตั้งกรรมการติดตามคดี ส่วนอธิบดีอุทยานฯปัดย้าย ผอ.สัตว์ป่าฯอ้างเลือกมาทำงานกับมือ ขณะที่“หน.วิเชียร” ให้ข้อมูลตร.แฉบิ๊กอิตาเลียนไทยฯขนปืนเข้าป่าล่าสัตว์แบบเปิดเผยไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ส่วน “ชัยวัฒน์” ยันเสียงในคลิปเรื่องบริจาคของ “ศรีวราห์” เล็งสอบอีกข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงาน
ความคืบหน้าคดีจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด พวก รวม 4 คน กลางป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ยึดปืนไรเฟิล ปืนลูกกรด ปืนลูกซอง รวม 3 กระบอก ซากสัตว์ป่าคุ้มครองเช่น ซากเสือดำ ซากเก้ง ซากไก่ฟ้าหลังเทา ก่อนนำตัวส่งฟ้องศาล แต่ได้รับอนุญาตประกันตัววงเงินคนละ 1.5 แสนบาท สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยนั้น
นายกฯลั่นใหญ่แค่ไหนผิดต้องเชือด
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายและขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันใครกล้าช่วยเหลือนายเปรมชัยอีกก็ตามใจและต้องถูกลงโทษด้วย เพราะช่วยเหลือไม่ได้ ผิดก็คือผิด ใหญ่แค่ไหนก็คือผิดหากพิสูจน์ได้ ดังนั้นต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตามหลักฐาน
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Gen.Prayun Chan-o-cha ซึ่งเป็นเพจทีมงานทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความว่า นายกฯ ย้ำ เจ้าหน้าที่กรณีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี “ตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด”พร้อมโพสต์ภาพพล.อ.ประยุทธ์ และมีข้อความบนภาพว่า”ทำคดีตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้ถูกกล่าวหา ข้าราชการหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง”
“วิษณุ”ชี้ยังไม่ขึ้นบัญชีดำอิตัลไทย
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการเสนอให้ขึ้นบัญชีดำบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในการทำสัมปทานกับรัฐ หลังเจ้าหน้าจับกุมนายเปรมชัยว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เร็วที่จะพูด เพราะไม่ได้ผิดในนามบริษัท เป็นการทำผิดส่วนบุคคล การสัมปทานกับรัฐต้องไปประมูล ในบริษัทนี้มีหลายหุ้นส่วน จะไปเอาผิดทั้งบริษัทไม่ได้ คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องด้วย นอกจากว่ามีความเชื่อมโยงไม่ถึงบุคคลอื่น กรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่าบริษัท อิตาเลียนไทยฯ อาจปรับเปลี่ยนผู้บริหารออกไปก็ได้ แน่นอนเรื่องนี้ต้องสอบในแง่ธรรมาภิบาลของบริษัท
“บิ๊กเต่า”เรียกประชุมจนท.ลุยคดี
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ เป็นประธานคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หารือถึงกรณีนายเปรมชัย โดยมีพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมใช้เวลา 3 ชั่วโมง
เด้งรับลูกนายกฯตั้งชุดติดตามคดี
หลังประชุมพล.อ.สุรศักดิ์ แถลงว่า กรณีที่เกิดเหตุมีความชัดเจนว่าเจตนาก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นแจ้งความผิด 9 ข้อหาไปแล้ว ส่วนการประชุมในวันนี้ได้ร่วมหารือว่าจะเอาหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ที่สุด โดยนายกฯกำชับให้ดำเนินการตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ตนได้ตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องนี้ โดยมีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นประธานคณะกรรมการ และมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายมาเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้จะมีการประสานกระทรวงมหาดไทยเพื่อขึ้นทะเบียนปืนล่าสัตว์มาเป็นฐานข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลด้วย ส่วนกรณีมีอดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ประสานงานให้นายเปรมชัย และพวกเข้าพื้นที่จะสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่นั้น เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการ ต้องปล่อยให้เป็นอำนาจของตำรวจ
ล่าอดีตบิ๊กกษ.เคลียร์ทางพรานวีไอพี
แหล่งข่าวเผยว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กำลังตรวจสอบว่าอดีตบิ๊กเกษตรฯขาใหญ่ที่เป็นข่าวนั้นคือใครเบื้องต้นทราบว่าเป็นอดีตข้าราชการของกรมๆหนี่งในกระทรวงเกษตรฯ ที่โทรเคลียร์ก่อนล่วงหน้าวันที่ 4 ก.พ.ประสานบิ๊กข้าราชการ ทส.ที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเรียนที่เดียวกันให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คณะของนายเปรมชัยทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าตรวจค้นรถ เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างรู้ดีขั้นตอนการดูแลรับรองแขกวีไอพีของกระทรวง
เตรียมขึ้นบัญชีพรานป่าทั่วปท.
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวยืนยันว่า กรมอุทยานฯ พร้อมสนับสนุนและดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีอย่างเต็มที่นอกจากนี้กรมอุทยานฯจะจัดทำบัญชีพรานป่าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วในพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.ชัยภูมิ แต่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่ฯ ยังไม่มีความชัดเจน
ยืนยันไม่ย้าย“กาญจนา-วิเชียร”
นายธัญญา ยังกล่าวถึงกระแสข่าวจะย้ายน.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยยืนยันว่า ยังไม่เคยคิดเรื่องนี้ และยังไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย ขณะนี้น.ส.กาญจนาไม่ได้ทำความผิดอะไร ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มีกระแสดราม่าในโลกโซเซียลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างข่าวการย้ายนายวิเชียร ก็เหมือนกัน ตนไม่เคยพูด ทั้งวิเชียรและกาญจนา เป็นคนที่ตนเลือกพวกเขาให้ไปทำหน้าที่ตรงนั้นเอง พวกเขายังไม่มีความผิดอะไร จะย้ายทำไม
แฉวางแผนดีไม่เตรียมเสบียงเข้าป่า
ขณะที่พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า จากหลักฐานเบื้องต้นที่ได้มา ถือว่าเตรียมการวางแผนมาเป็นอย่างดี เนื่องจากการตรวจค้นสัมภาระ ไม่มีการนำอาหารหรือเสบียงเข้ามาในพื้นที่ ยกเว้นอุปกรณ์ทำครัว เกลือ และเครื่องแกง เหมือนเตรียมมาทำอาหาร ที่สำคัญมีการแวะรับแม่ค้าร้านอาหารที่ย่านบางกรวย จ.นนทบุรีก่อนเข้าพื้นที่
เก็บลายนิ้วมือ-DNAหาคนลั่นไก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบร่องรอยที่พบในหนังเสือดำ และตัวไก่ฟ้าหลังเทาว่าใช้ปืนประเภทใด ทั้งยังเก็บดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมเก็บลายนิ้วมือ และเขม่าปืนในอาวุธที่พบ หลักฐานเหล่านี้สมบูรณ์และถูกเก็บจัดระเบียบเอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อส่งผลให้ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ เชื่อว่าผลจากนิติวิทยาศาสตร์จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ทำความผิดได้แน่นอน ส่วนนายเปรมชัยตามแนวทางสอบสวนน่าจะเป็นความผิดร่วม และคดีนี้ต้องมีคนติดคุกแน่นอน
“ศรีวราห์”สอบข้อมูลจนท.อุทยาน
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองรอง ผบ.ตร.ประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน พร้อมกับเชิญเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (กรมอุทยานฯ) ที่เข้าเวร และมีหน้าที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ ที่นายเปรมชัยและพวกเดินทางเข้าป่า มาสอบปากคำประเด็นเกี่ยวกับคดีลักลอบฆ่าสัตว์ป่า การเข้าพื้นที่ รวมถึงกรณีมีคลิปเสียงอ้างเป็นของนายเปรมชัยลักษณะเจรจาต่อรองเมื่อถูกจับกุม
ชัยวัฒน์ให้ข้อมูลคลิปเสียงต่อรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ พร้อมนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งพล.ต.อ ศรีวราห์ได้กำกับดูแลการสอบปากคำด้วยตัวเอง
โดยนายชัยวัฒน์กล่าวว่า มาให้ข้อมูล โดยเฉพาะคลิปเสียงการเจรจาระหว่างผู้ต้องหากับเจ้าหน้าที่ ยืนยันคลิปเสียงนั้นเป็นเสียงจริงที่เกิดหลังจับกุม แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงนายเปรมชัยหรือไม่ ส่วนการขออนุญาตเข้าพื้นที่ของนายเปรมชัยและพวกนั้น พบมีการทำหนังสือขออนุญาตมายังกรมอุทยานฯแล้ว แต่ยังไม่มีการเซ็นอนุญาต แต่ในทางปฏิบัติไม่ถือว่าเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่เพราะปกติ ถ้ามีกลุ่มบุคคลขอเข้าพื้นที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว
แฉเสือดำคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว
“ประกอบกับคิดว่านายเปรมชัยเป็นนักธุรกิจ มาท่องเที่ยวตามปกติ ไม่ได้คิดว่ามาล่าสัตว์ ประกอบกับจุดที่นายเปรมชัยตั้งแคมป์เป็นจุดอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ ส่วนเสือดำที่เสียชีวิตนั้น เป็นเสือดำตัวสุดท้ายที่อยู่ในรัศมีกว่า 10 กิโลเมตรที่เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวมักพบเห็น ซึ่งพฤติกรรมของเสือดำมักมาอาบแดดและเดินเล่นในพื้นที่โล่งหรือเส้นทางเดินรถประจำ”นายชัยวัฒน์ กล่าว
ถึงไม่ยิงแต่อยู่เบื้องหลังก็มีโทษ
หัวหน้าชุดพญาเสือกล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนายเปรมชัยที่พกปืนยาวและเกลือจำนวนมากแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เตรียมการไปล่าสัตว์ เกลือจำนวนที่พบสามารถดำรงชีวิตในป่าได้ถึง 2 เดือน ส่วนที่นายเปรมชัย อ้างว่าไม่ได้ถือปืนและลงมือล่าสัตว์ แต่ลูกน้องลงมือนั้น ถือว่านายเปรมชัยอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนให้ทำผิด ซึ่งมีโทษตามกฏหมายเช่นเดียวกัน อีกทั้งปืนดังกล่าวทะเบียนเป็นชื่อนายเปรมชัย
แฉใช้วิธีขออนุญาตแทนเสียเงิน20บ.
นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า มีการอำนวยความสะดวกให้นายเปรมชัยเข้าไปล่าสัตว์โดยมีอดีตข้าราชการระดับสูงอยู่เบื้องหลังโดยยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะขั้นตอนการขอเข้าไปภายในอุทยานฯ จะมีการทำหนังสือมายังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านายเปรมชัย เลือกจะใช้วิธีการขออนุญาตแทนการจ่ายเงินเพียงคนละ 20 บาทเพื่อเข้าพื้นที่ ทั้งที่ตนเองเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศ
วิเชียรชี้พูดหยั่งเชิง-หวังดิสเครดิต
ขณะที่นายวิเชียร กล่าวถึงคลิปเสียงที่ระบุเป็นการต่อรองเจ้าหน้าที่ว่า ตนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียงที่ปรากฏเป็นของทีมงานนายเปรมชัย หรือตัวนายเปรมชัย เพราะขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำบันทึกจับกุม แต่ยอมรับว่ามีการมาพูดกับตนส่วนตัวในลักษณะคล้ายหยั่งเชิง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นการต่อรองหรือไม่ โดยรายละเอียดคำพูดขอไม่เปิดเผย มองว่าคลิปดังกล่าวถูกปล่อยออกมาเพื่อเป็นการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ย่อท้อ และยังตั้งใจทำงาน พร้อมให้กำลังใจลูกน้องให้เข้มแข็ง
ซัดเจ้าสัวนักล่ามาเปิดเผยไม่กลัวกม.
สำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายนั้น นายวิเชียรกล่าวว่า ไม่กังวล ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งไม่คาดฝันว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ ตนทำงานที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ มา 1 ปี เพิ่งเจอกรณีเป็นครั้งแรกที่ผู้กระทำผิดขออนุญาตเข้าพื้นที่แล้วมายิงสัตว์ป่าแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่เจอเป็นลักษณะที่แอบเข้ามาทำผิด แต่นายเปรมชัยและพวกมาแบบเปิดเผย และพกอาวุธมาครบมือ เป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย
“ตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามา ยังไม่เคยเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างจะครบถ้วนแบบนี้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กน้อยเป็นชาวบ้านมาล่าสัตว์ เพื่อการยังชีพ ไม่ได้มาล่าเพื่อความสนุกความเท่ สนองกิเลสของตัวเอง”นายวิเชียรกล่าว
บอกคนไทยอย่าห่วงผมคนเดียว
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ดีใจและภูมิใจที่ประชาชนเป็นห่วงตน แต่อย่าเป็นห่วงตนคนเดียว เพราะมีคนทำงานที่ทุ่งใหญ่นเรศวรกว่า 200 ชีวิต อย่าลืมพวกเขาด้วย ส่วนมาตรการการป้องกัน ตนอยากให้มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์ที่ตรวจได้ว่าเป็นโลหะ หรือเครื่องมือที่ให้เห็นเป็นรูปร่างอาวุธปืน ก็จะช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานได้เร็วและปลอดภัยขึ้น เพราะกรณีการจับกุมผู้ต้องหาต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 5- 10 นาย จึงจะมีความปลอดภัย
รู้ว่าเป็นใครตอนไปจับแต่ไม่สนใจ
ถามว่าตอนจับรู้หรือไม่ว่าเป็นนายเปรมชัย นายวิเชียรกล่าวว่า รู้ตอนเข้าไปจับกุมในที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ติดตามบอกว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของบริษัท แต่ไม่ได้อ้างชื่อผู้ใหญ่คนไหนของทางกรม แค่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านายใหญ่ของทางทีมที่มาด้วย และนายเปรมชัยก็ได้แนะนำตัวเอง เขาไม่ได้อ้างว่าเป็นแขกวีไอพี เพียงแต่เป็นการสื่อให้เราทราบ ผมเป็นนี่ ทำงานที่นี่นะ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ แต่จะเป็นใครก็ช่าง ถ้ากระทำความผิดแล้วเราไม่ละเว้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ดีใจได้รับพระกรุณาธิคุณอย่างสูง
นายวิเชียร กล่าวว่า กรณีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงชื่นชมการทำงานของผมนั้น ทำให้มีกำลังใจเปรียบเสมือนหยาดฝนที่ชโลมยอดหญ้าบนพื้นดิน ซึ่งเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่งในการประกอบอาชีพราชการและจะเป็นกำลังใจในการทำงานในอนาคต
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงใช้อินสตาแกรมส่วนพระองค์ nichax โพสต์ในไอจีเพจข่าว thairath ว่า “สู้ สู้ คุณวิเชียร ชินวงษ์”
เผยเสียงนายยงค์พูดเรื่องบริจาคของ
หลังใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 2 ชั่วโมง นายชัยวัฒน์กล่าวว่า คลิปเสียงที่เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยด้วยคือ นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี หนึ่งในสี่ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้ซักถามการได้มาของเนื้อสัตว์ต่างๆ แต่นายยงค์บ่ายเบี่ยงจะตอบคำถาม พยายามพูดเรื่องการบริจาคของ ปรากฎตามคลิปเสียงว่า บริจาคไฟฉาย รองเท้า ซึ่งยังอยู่ขั้นตอนสอบสวน
เร่งสอบคลิปเอาผิดติดสินบนจนท.
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงคลิปเสียงที่ปรากฏจะเข้าข่ายติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ว่า ตามกฎหมาย มาตรา 84 พยายามก็ผิดแล้ว รับโทษ 1 ใน 3 ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าการพูดดังกล่าวเข้าข่ายการทำความผิดหรือไม่ และตรวจหาหลักฐานนอกเหนือจากคลิปเสียง เป็นขั้นตอนรวบรวมข้อเท็จจริงระหว่างสอบปากคำ
ย้ำความผิดเท่ากันร่วมล่าคือร่วมยิง
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักฐานใครเป็นคนลงมือยิง พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ตามหลักฐานที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯจับกุมและร้องทุกข์มา ร่วมกันล่าเท่ากับร่วมกันยิง มีหลักฐานหนังเสือมีรอยยิง ซึ่งในหนังเสือมีลูกปลายอยู่ และมีตัวปืน ถือว่าหลักฐานสมบูรณ์แล้ว ในกฎหมายไม่จำเป็นต้องเอาว่าใครยิงหรือไม่ยิง แค่นำปืนเข้าไปก็น่าจะเป็นความผิดสมบูรณ์แล้วตามกฎกระทรวง ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบให้เสร็จก่อนจึงจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
ประกาศไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่
“ความผิดของคนยิงกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีความผิดเท่ากัน เพราะร่วมกัน ส่วนอัตราโทษดังกล่าว เป็นเรื่องของศาลพิจารณา แต่ผมเชื่อมั่นว่าตำรวจสภ.ทองผาภูมิ และบก.ปทส.จะทำสำนวนส่งพนักงานอัยการให้ยื่นฟ้องให้แน่ เพราะหลักฐานที่มีอยู่ความผิดสำเร็จชัดเจน” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว และว่า ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบการเดินทาง ถ้าพบออกนอกประเทศให้แจ้งพนักงานสอบสวนทันที ยืนยันคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูหรือมีอิทธิพลเกี่ยวข้องแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี