27 ก.พ.61 ที่ศาลปกครอง กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) นำโดยนางกิ่งแก้ว แก้วสุขแท้ เข้ายื่นหนังสือต่อศาลปกครอง เรื่อง ขอใช้สิทธิคุ้มครองชั่วคราวแก่สมาชิก 260 ราย ที่ถูกฟ้องคดี ถูกยึดทรัพย์ และนำไปขายทอดตลาด โดยนายเตชธรรม บำรุงชัยธรรม ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจฟ้องคดี กล่าวว่า การยื่นฟ้องคดีครั้งนี้เป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรทั่วประเทศจากกรณีที่ คสช.ออกคำสั่งที่ 26/2560 ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาทำหน้าที่แทน 3 บอร์ดใหญ่ตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 2542 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2544 จากนั้นในวันที่ 2 พ.ย. 60 คณะกรรมการเฉพาะกิจชุดดังกล่าวได้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์จัดการหนี้ของเกษตรกร 2559 ทั้ง 2 ฉบับ พร้อมกับออกระเบียบใหม่โดยเน้นความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจขึ้นของรัฐไม่คำนึงถึงปัญหาของเกษตรกร ทั้งที่รัฐสามารถหามาตรการอื่นเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ ทำให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ซึ่งไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้กับกองทุนฟื้นฟู จำนวนร้อยละ 90 ได้รับความเสียหาย ถูกปิดกั้นโอกาสที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้ และได้รับความเดือดร้อนจากสถาบันการเงิน กำหนดเงื่อนไขการกู้ยืมเงินให้บุคคลหรือเกษตรกรด้วยกัน ซึ่งมีหลักทรัพย์เหมือนกันค้ำประกันหนี้ในลักษณะหมุนเวียน เมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้สถาบันเจ้าหนี้สามารถเลือกบังคับคดี เอาที่ดิน หรือหลักทรัพย์ของเกษตรรายใดก็ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวเลือกการบังคับคดีให้แก่สถาบันเจ้าหนี้ แต่ในทางกลับกัน คณะกรรมการชุดดังกล่าวกลับไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องหนี้สินให้กับเกษตรกร โดยมีการแก้ปัญหาเฉพาะหนี้ในระบบตามคำจำกัดความของกฎหมายเท่านั้น นอกจากนี้ในการออกประกาศดังกล่าวก็ไม่เคยถามความเห็นจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก และเมื่อบังคับใช้ ทางเกษตรกรได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ แต่คณะกรรมการก็บอกว่าจะหาวิธีการอื่นในการช่วยเหลือ ไม่ได้ยกเลิกระเบียบที่เป็นปัญหาจึงต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดการหนี้2560 และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้เกษตร ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคารวให้สถาบันการเงิน หรือเจ้าหนี้ยุติการฟ้องคดีเกษตรกรไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ด้านนายนายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษากลุ่ม คนท. กล่าวว่า การออกระเบียบใหม่ไม่ให้ซื้อหนี้มาบริหารจัดการ ทำให้หนี้ของเกษตรกรไม่ได้รับการแก้ไขทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกสถาบันการเงินฟ้องคดี จึงรวมตัวกันฟ้องต่อศาลปกครองขอสิทธิไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราวว่าระหว่างหาทางแก้ไขขอให้ยุติการฟ้องคดีกับชาวบ้านก่อน และขอให้กลับไปใช้ระเบียบเดิมที่ให้กองทุนฯซื้อหนี้มาบริหารจัดการได้ โดยมีหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งชาวบ้านต้องการให้กองทุนเข้าไปแก้ปัญหาประมาณ 54,000 ล้านบาท จากมูลหนี้รวมทั้งหมดกว่า 7 หมื่นล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี