พศ.นครปฐม ประสานหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดป่าปฐมชัย ท่ามกลางศิษย์ พระ แม่ชี รอเต็มวัด พบพระพุทธรูป 8 องค์อยู่ครบ แต่จะต้องตรวจสอบก่อนว่าใช่พระที่ถูกระบุก่อนหน้านี้และเป็นพระทองตำจริงหรือไม่ งง! ไม่ให้สื่อเข้าร่วมตรวจสอบ ทรัพย์สิน และยังไม่มีการชี้มูลความผิดสมีนิพนธ์ รอสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้แถลง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอดีตพระครูปลัดนิพนธ์ ธัมมทีโป อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปฐมชัย อ.เมือง จ.นครปฐม ถูกร้องเรียนเรื่องการเสพเมถุนและยักยอกทรัพย์วัดป่าปฐมชัยว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดป่าปฐมชัย หลังจากทางเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ฝ่ายธรรมยุต ได้สั่งการให้ทางเจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐมประสานกับสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด หลังมีกระแสข่าวว่าพระพุทธรูปทองคำ 8 องค์หายไปจากวัดหลังจากพระนิพนธ์ ได้ลาสิกขอออกไปจากวัด
โดยผู้เข้าร่วมตรวจสอบนำโดยพระครูภาวนาวิมล ว. (สุพร ชัย สารธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสระกระเทียม เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ชั้นปกครองสายธรรมยุต นายสุขพิชัย เชาวกุล นักวิชาการศาสนาชำนาญการ นายธานี พิกุลทอง นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม นายนรวีร์ ขันธหิรัฐ ปลัดอำเภอชำนาญการพิเศษ อำเภอเมืองนครปฐม และชุด อส.รักษาดินแดน และผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่จาก อบต.หนองปากโลง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ทางวัดได้มีพระ และแม่ชี รวมถึงศิษย์ของสมีพนธ์ เข้าร่วมรับฟังชี้แจ้ง ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวกำลังจะเข้าบันทึกภาพบรรยากาศในการการตรวจสอบดังกล่าว แต่ทางคณะสงฆ์ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าร่วมบันทึกภาพและฟังการชี้แจงต่างๆ ใดใด
สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ทราบว่ามีฆราวาส ที่ชื่อ รดา ไม่ทราบ นามสกุล ได้เป็นผู้ร่วมให้ข้อมูลถึงทรัพย์สินต่างๆ ภายในวัดร่วมกับ ครูบาเปี๊ยก และมีแม่ชีที่เข้าร่วมในการชี้แจง โดยจุดแรกคือประเด็นของพระทองคำจำนวน 8 องค์ที่เป็นข้อสงสัยโดยทางผู้ชี้แจง โดยมีการนำมาแสดงเป็นพระทอง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นพระที่ถูกระบุก่อนหน้านี้หรือไม และเป็นพระทองตำจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนจำนวนเงินของวัดที่ปรากฏคือการนำมาแจ้งหนี้สินจากการก่อสร้างมีถึง 7 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยงานบางแห่งได้มีการเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ แต่ไม่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่กุฏิ หรือบ้านพักที่แยกออกจาก 2 ฝั่งมีบ่อน้ำกั้นกลาง ซึ่งติดป้ายเป็นเขตหวงห้าม ส่วนกุฏิของสมีนิพนธ์ ที่อยู่ด้านหลัง ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า สมีนิพนธ์ ได้ใช้เป็นที่จำวัดและจะออกมารับยาในเวลา 5 โมงเย็นเท่านั้น ส่วนที่พักของฝ่ายหญิงเป็นลักษณะเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ได้มีการติดกล้องวงจรปิดบางส่วนเอาไว้ แต่ที่ตัวเจดีย์หลักในวัดที่จัดเก็บทรัพย์สินต่างๆ ไม่ปรากฏของการติดกล้องวงจรปิด
สำหรับบรรยากาศในวันนี้ พบว่ามีบรรยากาศคึกคักกว่าทุกวัน หลังจากที่เกิดข่าว โดยที่หน้าวัดมีรถจอดหลายคันและมีศิษย์ของสมีนิพนธ์ มาคอยตรวจตราและจับตาคนเข้าออก รวมถึงพยายามบันทึกภาพของคนที่เข้าออกในวัดเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ ในฝ่ายปกครอง โดยอำเภอเมืองนครปฐม ได้มีการประสานผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ได้เข้ามาร่วมตั้งทีมงาน เพื่อบริหารวัดร่วมกับเจ้าอาวาสรักษาการ เป็นคณะกรรมการวัดชั่วคราว ตามหลักที่วัดเป็นิติบุคคล เพื่อให้ทำหน้าที่บริหารจัดการได้อย่างโปร่งใส และขับเคลื่อนการทำงานของวัดให้ดำเนินต่อไปได้ และมีการตั้งไวยวัจกร เพื่อให้วัดยังเป็นสถานที่สำหรับเข้ามาของประชาชนได้ตามแบบฉบับทั่วไป
นายสุขพิชัย เชาวกุล นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ได้บอกว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากนางกัญฐณา หินเมืองเก่า ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้เข้ามาเป็นตัวแทนในการตรวจสอบทรัพย์สิน และแจ้งการดำเนินการต่าง ๆ ในวัดโดยได้แนะนำให้มีการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดเป็นรหัส เพื่อตรวจสอบได้ง่าย ขณะที่อยากให้สื่อมวลชนได้เข้าใจว่าวันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้ลงมาทำงานในการตรวจสอบแล้ว ส่วนกรณีของการสอบสวนสมีนิพนธ์ ในข้อกล่าวหาอื่นๆ นั้น ยังไม่ได้สามารถตอบได้เพียงแต่ทำหน้าที่รายงานไปยังต้นสังกัดคือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เท่านั้นซึ่งจะเป็นผู้สรุปแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี