2ตร.ให้การมัดผบก.กาญจน์บิดคดีหวย
อัปยศ!แก้สำนวนทั้งแผ่น
แถมทำลายทิ้ง-ปปป.สั่งกู้ไฟล์คืน
เรียก‘สุทธิ’รับข้อกล่าวหาศุกร์นี้
‘เจ๊เกียว-เจ๊พัช’ยืนยันฝั่งครูปรีชา
ผบ.ตร.แถลงปิดคดีอลเวง9มีนาฯ
พนักงานสอบสวนกัน “พ.ต.ท.-ร.ต.อ.” ไว้เป็นพยานมัดผบก.กาญจนบุรีบิดคดีหวย 30 ล้าน ยอมรับแก้สำนวนทั้งแผ่นแถมยังทำลายต้นฉบับไปด้วย ด้านผบก.ปปป.สั่งกู้ข้อมูลคืนไว้เป็นหลักฐาน เตรียมเรียกผู้การฯฉาวรับข้อหาในวันศุกร์นี้ ด้าน “เจ๊เกียว-เจ๊พัช” โร่ให้ปากคำกองปราบฯยืนยันอยู่ฝ่ายครูปรีชาไม่เปลี่ยนคำให้การ ขณะที่ผบ.ตร.เตรียมแถลงปิดคดีอลเวงวันศุกร์นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองกาญจนบุรี และร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองกาญจน์ อดีตเจ้าของสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ที่ถูกกันไว้เป็นพยานในการดำเนินคดีกับพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เข้าไปยุ่งเหยิงสำวนวนคดีหวยได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนบก.ปปป. หลังพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี มาตรา157 กับพล.ต.ต.สุทธิ
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้กันนายตำรวจ 2 นายไว้เป็นพยาน แม้พยานเหล่านี้จะเป็นผู้ที่กระทำความผิดร่วมกันแต่เราต้องการที่ให้เป็นตัวเชื่อถึงตัวการสำคัญ จึงมีความจำเป็นที่ต้องกันไว้เป็นพยาน เมื่อส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)แล้ว ทางปปช.อาจจะพิจารณาไม่กันไว้เป็นพยานแต่อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาด้วยก็ได้แต่ในส่วนของตำรวจ เราได้กันไว้เป็นพยาน เพราะเห็นว่ามีความสำคัญคำให้การมีสาระสำคัญที่จะเชื่อมโยงถึงตัวการสำคัญ
พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า สำหรับข้อมูลในการสอบปากคำ เบื้องต้น คำให้การสอดคล้องกันที่จะนำไปใช้ยืนยันความผิดตัวการสำคัญ สำหรับพยานทางเอกสาร ทางบก.ปอท.ยังไม่ได้ส่งกลับมา จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่ายังหาพยานหลักฐานที่มีการแก้ไขชัดเจนยังไม่ได้ จึงมีเพียงพยานบุคคล แต่หลักฐานที่เราอยู่เพียงพอต่อการแจ้งข้อหา
“ในประเด็นเอกสารเขายอมรับว่ามีการแก้ไขจริงทั้งแผ่น และแผ่นที่มีการแก้ไขได้มีการทำลายไป แล้ว แต่ต้นฉบับอาจจะอยู่ในคอมพิวเตอร์ เพราะมีการก๊อปปี้ทับลงไป อยู่ระหว่างตรวจสอบ ต้องรอผลว่าจะกู้กลับคืนมาได้หรือไม่ จะใช้เวลากู้ข้อมูลกลับคืนมานานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกองพิสูจน์หลักฐานจึงยังทำได้แค่รอ แต่จะรอเท่าที่มีเวลา เพราะเรามีเวลาส่งเรื่องไปให้ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน เมื่อมีพยานหลักฐานเพิ่ม เราสามารถส่งเพิ่มเติมได้อีก” พล.ต.ต.กมล กล่าว
ทั้งนี้หลังจากสอบปากคำพยานเสร็จจากนั้นจะเรียกพล.ต.ต.สุทธิ มารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาตามมาตรา 157 หากไม่ทันตามเวลาราชการในวันศุกร์ที่ 9 มีนาคมจะเรียก พล.ต.ต.สุทธิ มารับทราบข้อกล่าวหาและจะแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหาเดียวก่อน ส่วนจะแจ้งข้อหาอื่นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลักฐานและคำให้การของพยาน
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะพัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)พร้อมพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง( ผบช.ก.)และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จะแถลงความคืบหน้าคดีสลากกินแบ่งรัฐบาล 30ล้าน วันที่ 9 มีนาคมนี้ เวลา 13.00 น.ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขอเรียนว่าขณะนี้คดีนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก
ขณะที่พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวว่า ขณะนี้เปิดโอกาสให้พยานคดีสลาก30 ล้าน ได้คิดทบทวนว่าคิดและจำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่ หรือให้การเท็จโดยตั้งใจ หรือไม่ และหากได้เห็นข้อมูลที่พนักงานสอบสวนมี อาจทำให้ทบทวนได้ว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงพยายามทักท้วงและเปิดโอกาสให้แต่คงให้เวลาไม่นานนัก
“ภายในสัปดาห์หน้าคดีนี้ต้องจบทุกกระบวนการและต้องสรุปสำนวนการสอบสวนให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งฟ้องต่ออัยการทันก่อนครบกำหนด การฝากขังผู้ต้องหาผัดที่ 2 วันที่ 14 มีนาคมนี้”พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าว
ที่กองบังคับการปราบปรามนางปณัญชยา สุขผล หรือ เจ๊เกียว และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช สองพยานปากสำคัญของครูปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 5 ในคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท
นางปณัญชยา กล่าวว่า ไม่ได้มาตามหมายเรียก แต่เป็นความต้องการของตนกับเจ๊พัชที่จะเดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่เอง โดยไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนได้นำหลักฐานเพิ่มเติมมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวนหรือไม่ ไม่ขอตอบ ขอให้รอดูผลในชั้นศาลฯ ในวันที่ศาลตัดสินและยังขอยืนยันว่ายังคงเป็นพยานในฝั่งครูปรีชาและไม่คิดเปลี่ยนใจกลับคำให้การแต่อย่างใด
“หลังจากครูปรีชาและนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่นได้รับการประกันตัวให้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาลฯก็มีโอกาสพบเจ๊บ้าบิ่นเพียงครั้งเดียว เท่าที่สังเกตเจ๊บ้าบิ่นไม่มีอาการเครียดหรือ กังวล ยังไปขายสลากฯตามปกติ ส่วนครูปรีชาก็ยังไม่มีโอกาสพบเลย ส่วนวันที่14 มีนาคม ที่ครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นจะมารายงานตัวต่อศาลฯ คงไม่ได้มาให้กำลังใจต้องขายสลากกินแบ่งเพราะช่วงนี้ขายดีกว่าปกติ”นางปณัญชยา กล่าว
ขณะที่ เจ๊พัช มีสีหน้าเรียบเฉย เครียดเล็กน้อย ไม่ยิ้มแย้ม ปฏิเสธจะพูดคุยกับสื่อมวลชนเดินหลบไปแต่จากการสอบถามเจ๊เกียวได้บอกว่าเจ๊พัชไม่สบายก่อนที่ทั้งคู่ขึ้นรถที่มารอรับเดินทางออกไป
ต่อมาเวลา 15.20 น.ทั้งนางปณัญชยา และนส.พัชริดา เดินทางไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกเพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากคำให้สัมภาษณ์ของผบช.ก.กรณีจะมีการออกหมายจับอีก 2 คนในความผิดฐานเป็นพยานเท็จจริง โดยตนขอยืนยันว่าให้การเป็นตามความจริง
“หากออกหมายจับทั้ง2 คนก็ไม่ต่างกับการออกหมายจับครูปรีชาซึ่งตำรวจนำกำลังจำนวนมากไปบถึงโรงเรียนจนประชาชนเกิดความหวาดกลัว เป็นการคุกคามชีวิตของประชาชน จึงร้องขอความเป็นธรรม และจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด หากมีการร้องขอให้ออกหมายจับ ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้กองบังคับการปราบปราม หรือ กองบัญชาการสอบสวนกลางให้ออกหมายเรียกก่อน”
ทางด้านความเคลื่อนไหวของครูปรีชา ใคร่ครวญ หลังศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดีนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 143/22 บ้านทุ่งนา ซ.5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เวลา06.30น.เพื่อรอสัมภาษณ์ครูปรีชา พบรถยนต์กระบะ2คัน รถยนต์เก๋ง1คัน จอดอยู่ภายบริเวณบ้าน แต่ปรากฏว่าเมื่อครูปรีชาเปิดประตูออกไปก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์และไม่มองหน้าผู้สื่อข่าวด้วยซ้ำก่อนรถยนต์กระบะขับออกไปทันที
ขณะที่พี่สาวครูปรีชาบอกกับสื่อมวลชนว่า“จะไม่ให้ข่าวอีกแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี