"เจ๊เกียว" แม่ค้าลอตเตอรี่ข้องใจ "หมวดจรูญ" เป็นถึงตำรวจ บอกเดินตลาดเรดซิตี้อาทิตย์ละ 3-4 ครั้งแต่จำคนขายหวยไม่ได้ทั้งที่ในตลาดมีไม่กี่เจ้า ส่วน "นายแผน" เจอแค่ครั้งเดียวผ่านมาหลายเดือนแต่กลับจำแม่น ขณะที่พยานฝ่าย"ครูปรีชา"ทุกคนกลายเป็นผู้ต้องหาหมด เผยแม่ค้าทุกคนรู้ดี แต่ไม่มีใครกล้าพูดกลัวตกเป็นผู้ต้องหาเหมือนเหล่าเจ๊ๆ ทั้งหลาย จี้ลุงตู่พิจารณาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (15 มี.ค.61) เจ้าของและผู้บริหารตลาดเรดซิตี้ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ได้ทำพิธีบวงสรวงสักการะบูชาพระพรหม โดยมีของเซ่นไหว้ล้วนเป็นผลไม้มงคล 9 ชนิด ส้ม องุ่น กล้วย มะพร้อมน้ำหอม สับปะรด ขนุน มะม่วง แคลตาลูป และแอบเปิ้ล นอกจากนี้ ยังมีของคาวหวานอีกนานาชนิด รวมทั้งไข่ไก่หลายฟองด้วย โดยมีการเชิญพราหมณ์ มาทำพิธี สำหรับพิธีดังกล่าวมีกลุ่มประชาชนและบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่อยู่ตลาดเรดซิตี้มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก แต่ระหว่างทำพิธีในช่วงเช้ายังไม่พบกลุ่มแม่ค้าลอตเตอรี่ มาร่วมพิธีด้วยแต่อย่างใด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น.พบนางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว ผู้ค้าสลากรายใหญ่ในตลาดเรดซิตี้ เดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อมาถึงได้ตั้งแผงขายลอตเตอรี่ที่ด้านหน้าศาลพระพรหมทันที หลังจากพิธีบวงสรวงแล้วเสร็จ ทางด้านเจ้าของและผู้บริหารตลาดเรดซิตี้ รวมทั้งผู้ที่มาร่วมพิธีต่างรุมล้อมแผงขายลอตเตอรี่ของเจ๊เกียว เพื่ออุดหนุน นอกจากนี้ ประชาชนที่ผ่านไปมาก็มาช่วยซื้อ พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจและอวยพรขอให้ฝ่ายเจ๊เกียวเป็นผู้ชนะคดีอีกด้วย
ส่วนนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี คู่กรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อายุ 62 ปี ที่กำลังฟ้องแย่งเป็นผู้ถือครองสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ ได้เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่พนักงานประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยมีนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางสาวพัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช พยานของครูปรีชา ไปรับทราบข้อกล่าวหาเดียวกันด้วย โดยพล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.จะทำการสอบปากคำด้วยตนเอง
ทั้งนี้ นางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว ได้ขายลอตเตอรี่ให้กับลูกค้าไปด้วย พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปด้วย ซึ่งเจ๊เกียวกล่าวว่า เจ้าของตลาด รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีความรักใคร่กันและทุกคนต่างก็เชื่อมั่นว่าเจ๊เกียวและคนขายลอตเตอรี่ให้กับครูปรีชานั้นพูดเรื่องจริง ทางเจ้าของตลาดก็ได้ให้มาร่วมพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์เพื่อจะได้ให้เราชนะคดีโดยเร็ว และให้พยานทุกคนปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องของพยานโดยเฉพาะนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน ที่กำลังต่อสู้เดินหน้าสู้คดีอยู่ในขณะนี้ เจ๊เกียวมีส่วนช่วยเหลืออย่างไร และนายแผนมาหาเจ๊เกียวได้อย่างไร และมีการจับมือกันได้อย่างไร เจ๊เกียวตอบว่า วันนั้นที่จับมือก็คือ วันนั้นเจ๊เกียวไปกรุงเทพฯ พอดีรายการโหนกระแส เขาอยากได้ตัว เจ๊เกียวคิดว่าไหนๆ ก็ใช้สื่อโต้ตอบ ก็เลยพานายแผนไป และที่วันนั้นมีการจับมือก็เพราะว่ามีนักข่าวมาเยอะ จะสัมภาษณ์เจ๊เกียวก็ไม่อยากให้นายแผนสัมภาษณ์ เพราะคิดว่าอยู่เฉพาะภายในห้องสอบก็พอแล้ว เจ๊เกียวก็เลยจูงมือ ขณะเดียวกันรถยนต์กำลังมารับ จึงจูงมือเขาไป เพราะสงสารเขา ซึ่งก็เพิ่งรู้จักนายแผนได้แค่สองวันเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักนายแผนได้อย่างไร เจ๊เกียวตอบว่า คือพี่แผนพยายามที่จะตามหาเจ๊เกียว ซึ่งพี่แผนก็ไปบอกกับแม่ค้าว่า ผมชื่อแผน ต้องการมาหาเจ๊เกียว ซึ่งเราเองก็ไม่รู้จักเขา ซึ่งพี่แผนบอกว่าจะเข้ามาหาทีไรก็พบว่ามีสื่อมวลชนเต็มไปหมด จากนั้นก็มีแม่ค้าอีกคนหนึ่งเอาเบอร์โทรพี่แผนมาให้ ซึ่งเจ๊คิดว่าการที่มีคนต้องการมาหาเรา คนอาจจะมีความทุกข์ หรืออาจจะมีธุระอะไร เจ๊เกียวก็เลยลองโทรไปจนทราบเรื่อง เจ๊เกียวก็เลยให้คำแนะนำไปพร้อมกับให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ว่าเราช่วยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายแผน ได้เล่าอะไรให้ฟังว่าเขาเจออะไรมาบ้าง ถึงกับต้องมาหาเจ๊เกียว เจ๊เกียวตอบว่าเขาเคยไปให้ปากคำที่ ภาค 7 แล้วเรื่องสำนวนอะไรต่ออะไร แล้วมาเปลี่ยนเจ้าหน้าที่สอบสวนอีก ซึ่งเขาก็โดนไปสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (กาญจนบุรี) ต.บ้านทวน อ.พนมทวน คือเจ้าหน้าที่เขาได้แนะนำ ซึ่งนายแผนก็คิดว่าทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เรื่องมันจะได้จบ แต่เมื่อมีการออกข่าวทางทีวี ว่าจะมาจับเขา เขาก็เลยมีความกลัวและความกังวล เพราะถูกกดดันจากหลายๆ ด้าน เพราะเขาก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ลูกก็ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่ว่าตอนนี้พยานทุกคนโดนเหมือนกันหมด ส่วนนายแผน ถึงขั้นต้องลาออกจากงาน อยากจะพูดว่าที่จริงแล้วนายแผนเขาเป็นคนดี เขาตัดสินใจลาออกเพราะกลัวว่าคนที่ทำงาน และหน่วยงานที่เขาทำอยู่จะมาเดือดร้อนเพราะเขา เขาเลยลาออกเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการเดินหน้าต่อสู้คดี เจ๊เกียวเป็นผู้ช่วยเหลือมาโดยตลอด เจ๊เกียวตอบว่าใช่ คะใช่ อะไรที่เจ๊เกียวช่วย ซึ่งเป็นคนบริสุทธิ์อะไรที่ช่วยได้เจ๊เกียวก็จะช่วย ยิ่งถูกกลั่นแกล้ง เจ๊เกียวก็ยินดีที่จะช่วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนเขาบอกว่าเจ๊เกียวไม่ใช่เจ้าของเรื่อง ทำไมเจ๊เกียวถึงไปช่วยอย่างน้นนั้น เจ๊เกียวตอบว่า เรื่องนี้ครูปรีชาเองเขาก็ช่วยมาในบางส่วน ซึ่งช่วงนี้ครูปรีชาเองก็แย่พออยู่แล้ว คือหมายถึงสภาพการของทุกวันนี้ ถามว่าเขาช่วยไหม เดี๋ยวเขาก็คงเข้ามาช่วย แต่สิ่งไหนที่เจ้เกียวสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยเลยโดยไม่ต้องไปถามใคร เพราะเจ๊เกียวเห็นความเป็นจริงอยู่แล้ว ซึ่งทางด้านครูปรีชาก็คงจะตามมาช่วยเหลือในภายหลัง ซึ่งขณะนี้เจ้บ้าบิ่น เจ๊พัช ก็ได้ร่วมเดินทางไปกับครูปรีชา
สำหรับที่มีข่าวออกมาว่าพยานทุกคนเริ่มเกิดความแตกแยก เรื่องนี้ไม่จริง ทุกคนยังคงให้การและเป็นพยานเหมือนเดิมเจ๊เกียวยืนยันได้ เจ๊เกียวบอกกับทุกคนว่า ใครเห็นอะไร ได้ยินอะไรก็ให้พูดไปตามความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง ร.ต.ท.จรูญ ไปแจ้งควมที่กองปราบกับนายแผน ข้อหาให้การเท็จ ซึ่งทางกองปรายเดินทางมาถึงกาญจนบุรี เจ๊เกียวตอบว่า เรื่องนี้แล้วแต่เขาจะทำ เรารู้แล้ว รู้และรู้ทุกเรื่องเรารู้แล้ว ส่วนเราก็ทำตามขั้นตอนของเราไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอมีข่าวนายแผนออกมา เมื่อลุงจรูญ เห็นหน้าก็จำได้เลยว่านายแผนเคยไปที่บ้านลุงจรูญ จริงหรือไม่ เจ๊เกียวตอบว่า นายแผนเขาเคยเล่าเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่เขาเห็นคนถือลอตเตอรี่ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นของใคร ไม่รู้ว่าใครเป็นคนขายใครเป็นคนซื้อ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้เขาให้การกับภาค 7 ไปแล้ว และเขาได้ให้การเขาเคยไปบ้านลุงจรูญหลังจากที่เมื่อไปถึงก็เห็นลุงจรูญ เขาก็จำหน้าได้ว่าคือคนนี้แหละที่ถือลอตเตอรี่ยืนอยู่กับผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเขา และเขาก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ว่าพอเป็นเรื่องขึ้นมาเขาถึงรู้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกยังไงที่ลุงจรูญที่ไม่รู้จักนายแผน แต่เมื่อเห็นหน้าแล้วจึงจำแม่น เจ๊เกียวตอบว่า เจ๊เกียวข้องใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เป็นถึงตำรวจ แต่จำแม่ค้าไม่ได้ แล้วบอกว่าเดินตลาดนัดถึงอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เจ๊เกียวอยู่ที่นี่มา 6-7 ปี ก็มีแม่ค้าขายลอตเตอรี่อยู่กันแค่นี้ แต่ถามว่าจำไม่ได้ ก็เข้าใจนะคะก็ให้เขาตอบเอง แต่ทำไมบอกว่ามาเดินตลาดนัดอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งแต่จำแม่ค้าไม่ได้ แต่เห็นนายแผนแค่ครั้งเดียวและผ่านมาหลายเดือนแล้วทำไมจำได้ จึงอยากฝากถามคนที่ติดตามข่าวหวย 30 ล้านบาทสักนัดหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดที่เจ๊เกียวเดินทางไปที่กองปราบกับเจ๊พัช เพื่อต้องการพบ ผบช.ก.และจะคุยเรื่องอะไร เจ้เกียวตอบว่า วันนั้นไปเป็นเพื่อนเจ้พัช เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำ ส่วนตัวของเจ๊เกียวที่จริงต้องการเข้าไปพบทุกคนที่ทำคดีความเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายทุกด้าน แต่จะต้องเป็นคนที่ใหญ่จริงๆ เพราะเจ๊เกียวอยากจะเข้าไปให้ความจริง ซึ่งเจ๊เกียวพร้อมมากที่จะชน ซึ่งเจ๊เกียวไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการแค่แสดงความบริสุทธิ์ให้เรื่องนี้จบ แล้วกระแสสังคมจะได้รู้ว่า เรื่องจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งความต้องการของเจ๊เกียวมีเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมพยานฝ่ายครูปรีชาทุกคนจึงตกเป็นผู้ต้อหา อันนี้แหละที่เจ๊เกียว ดำเนินการทุกส่วน ซึ่งเจ๊เกียวก็ฝากถึงเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ทุกท่าน แล้วก็คนใหญ่ทุกคนที่ดูเรื่องนี้ โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา เจ๊เกียวขอฝากให้พิจารณาเรื่องนี้ด้วย เพราะเจ๊เกียวเป็นแม่ค้า เป็นประชาชนหาเช้ากินค่ำ และพยานในที่เกิดเหตุพูดตามความจริงที่ปรากฏ และสิ่งที่เจ๊เกียวอยากจะบอก ยังมีผู้คนอีกเยอะที่เห็นแต่ไม่กล้าพูด เพราะถ้าพูดก็ต้องมาเดือดร้อนเหมือนบรรดาเจ๊ๆ ทั้งหลาย
เจ๊เกียว เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้มีแม่ค้าลอตเตอรี่จากทั่วทั้งจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียงได้ช่วยกันระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายเข้ามาโดยมีน้องๆแม่ค้าช่วยกันทำบัญชี และนอกจากนี้ยังได้รับกำลังใจจากแม่ค้าลอตเตอรี่ทั่วประเทศ ซึ่งเจ๊เกียว ก็ต้องขอขอบคุณ และฝากเรื่องนี้ไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี