ความคืบหน้ากรณีนายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มอบหมายให้นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ร่วมกับนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี และนายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ประชุมหารือแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพฤติกรรมการทุจริตด้วยการนำรายชื่อเด็กนักเรียนที่ไม่มีตัวตนมาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สช. โดยการประชุมมีขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (27 มี.ค.61) ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ถ.แม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่ได้ประชุมเมื่อวันที่ศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นคณะกรรมการได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที

ซึ่งจากเดิมที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวพบว่ามี จำนวน 2 ราย ที่มีการแก้ไข พ.ศ.เกิด เมื่อมาถึงวันจันทร์ที่ 26 มี.ค.เจ้าหน้าที่ของเราก็ได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว จากข้อมูลต่างๆที่เราได้มา ที่ชัดเจนเพิ่มขึ้นคือมีการแก้ พ.ศ.เกิดรวมกับสองรายแรก จำนวน 24 ราย ส่วนอีก 3 รายไม่ได้แก้ พ.ศ.ของเด็กเพราะเกิดตรงกัน แต่เด็กทั้ง 3 คนไม่มีตัวตนอยู่ในโรงเรียน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

สรุปคร่าวๆในตอนนี้คือ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ทางโรงเรียนนำเอกสารเด็ก 24 รายอันเป็นเท็จมาเบิกเงินรายหัวกับเรา แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะต้องรวบรวมหลักฐานให้แน่ชัด จนเป็นที่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการทางด้านกฎหมายกับโรงเรียนเอกชนดังกล่าวได้ แล้วค่อยไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในภายหลังและคาดว่าอาจจะเป็นภายในวันหรือสองวันนี้

นายอนันต์ กัลปะ เปิดเผยต่อว่า โรงเรียนเอกชนที่กำลังถูกตรวจสอบ ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งโรงเรียนมานานร่วม 40 ปี โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นประถม ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 1,149 คน แต่ที่กำลังมีปัญหา จำนวน 24 ราย ที่จะต้องชะลอจ่ายเงินอุดหนุนรายเดือนรวมกันเป็นเงิน 20,176.83 บาท เนื่องจากไม่มีสิทธิ์เบิก เพราะมีการแก้ไขข้อมูล พ.ศ.เกิดในโปรแกรม เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินอุดหนุนได้ ส่วนอีกจำนวน 3 ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการเบิกซ้ำซ้อนอยู่

สำหรับโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมีทั้งหมด 24 แห่ง มีเด็กรวมกันทั้งสิ้น 16,650 คน ซึ่งโรงเรียนเอกชนทั้ง 24 แห่งจะได้รับเงินสนับสนุนรายหัว รวมกันเดือนละจำนวน 14,000,000 บาท และโรงเรียนเอกชนทั้ง 24 แห่ง จะถูกควบคุมด้วยระบบสารสนเทศสถานศึกษาและบริหารจัดการเงินอุดหนุน PSIS (Private School Information and Support System) ซึ่งระบบ PSIS จะสามารถคัดแยกเด็กที่มีรายชื่อซ้ำซ้อนได้ด้วยการผ่านการตรวจสอบจากฐานข้อมูลเลขประจำตัว 13 หลัก