เสวนา“แบนบุหรี่ไฟฟ้า ประเทศไทยได้หรือเสีย” หนุนนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าถูกกม. เสนอรัฐบาลตั้งคกก.ศึกษาวิจัย เพื่อใช้ตัดสินใจกำหนดนโยบายที่เหมาะสม
31 มี.ค.61 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มีการเสวนาหัวข้อ “แบนบุหรี่ไฟฟ้า ประเทศไทยได้หรือเสีย” เพื่อเปิดมุมมองทุกมิติจากนักวิชาการ และกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ถึงข้อดีและข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีการเผยแพร่ทำให้ประชาชนสับสน
นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนา กล่าว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า จำหน่าย และให้บริการ แต่ก็ยังมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศกว่า 3 แสนราย ที่แอบซื้อขายกันตามโลกออนไลน์ ยากต่อการควบคุมตรวจสอบ และเก็บภาษีของภาครัฐ ฝ่ายคัดค้านสนับสนุนให้แบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป โดยให้เหตุผลว่ายังขาดหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และอาจเป็นช่องทางเพิ่มนักสูบหน้าใหม่ หรือเป็นทางไปสู่การริเริ่มสูบบุหรี่มวนของเยาวชนได้
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนยกผลวิจัยจากต่างประเทศ ที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพน้อยกว่าการสูบบุหรี่ และในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ประเทศในสหภาพยุโรป แคนาดา นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา และกว่า 160 ประเทศทั่วโลกอนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมาย และมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม
“หากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการรวบรวม และทบทวนข้อมูลผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งศึกษาผลดีและผลเสียของแนวนโยบายของต่างประเทศที่มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ ก็จะเป็นผลดีต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย” นายศิวัช กล่าว
ด้านนายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST)” และเฟสบุ๊ค-“บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” กล่าวว่า เราเรียกร้องให้มีการทบทวนการแบนบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสได้ใช้นวัตกรรมเพื่อลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ โดยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมากมาย รวมถึงคณะกรรมาธิการพาณิชย์ฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วย ซึ่งรายงานผลการพิจารณาของ กมธ.พาณิชย์ฯ ไม่ได้บอกให้แบนบุหรี่ไฟฟ้า กลับแนะนำให้รัฐบาลพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนในด้านประโยชน์และโทษ พร้อมเสนอ 6 ทางเลือกที่เหมาะสมในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เช่น ขายในร้านขายยา หรือควบคุมตามเงื่อนไขบุหรี่ทั่วไป
ส่วนนายอาสา ศาลิคุปต์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าฯ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งหน่วยงานที่เป็นกลางขึ้นมา เพื่อรวบรวมและทำการศึกษาข้อมูลผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งศึกษาผลดีและผลเสียของการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเราพร้อมพูดคุยและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพราะการแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปเท่ากับการฆ่าผู้สูบบุหรี่ทางอ้อม
ขณะที่ นพ.พิชิต ขจัดพาลชน เจ้าของเฟสบุ๊คเพจชื่อดัง Drama-addict กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งนั้น เพราะมีนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติด ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการเลิก แต่ความจริงในสังคมที่เราต้องยอมรับคือจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ตัดสินไม่เลิก ดังนั้นถ้ามีผลิตภัณฑ์ยาสูบอะไรที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ รัฐบาลก็ควรสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่ได้ใช้
ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางป้องกันเด็กและเยาวชนจากผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใหม่เหล่านั้นด้วย บ่อยครั้งที่มีคำถามจากแฟนเพจมาหาตนถามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยจริงหรือไม่ เพราะอ่านเจอจากร้านออนไลน์ เว็ปไซด์ที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าบรรยายสรรพคุณมากมาย ซึ่งการที่เราไม่หามาตรการมาควบคุมให้ดี เราจะป้องกันการเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เลย
ส่วนนายนิลสุวรรณ ลีลารัศมี ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ สนช. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมองในมุมปัญหาสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบารากู่จัดเป็นสินค้าต้องห้าม ขณะที่คนไทยมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 4 แสนคนในปัจจุบัน ขณะที่กฎหมายยังไม่มีการเปิดให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเสรี ดังนั้น ตนเสนอว่าให้โรงงานยาสูบเป็นผู้ผลิตคาเฟอีน หรือสารสกัดเพื่อใช้ในบุหรี่ไฟฟ้า แต่อาจจะสูญเสียรายได้จากการผลิตบุหรี่มวน แต่ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่
“นอกจากนี้ในอนาคตมองว่าสามารถส่งออกได้หรือไม่ โดยโรงงานยาสูบเป็นผู้ผลิตสารสกัดเหล่านี้เพื่อส่งออกไปยังประเทศปลายทาง อย่างไรก็ตามไม่ว่ากระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข จะต้องร่วมพิจารณาวิเคราะห์ถึงเหตุและผลว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่” นายนิลสุวรรณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี