กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าดันสินค้าสหกรณ์ไทยสู่ตลาดสากล ใช้ช่องทางออนไลน์ขยายตลาดเพิ่มความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุคไร้เงินสด
นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดับชาติ เรื่องการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สหกรณ์ไทยสู่ตลาดสากล เพื่อผลักดันให้สหกรณ์ เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการตลาดในยุคดิจิทัล เนื่องจากขบวนการสหกรณ์ในประเทศไทย มีการพัฒนามาอย่างยาวนานนับ 103 ปี ซึ่งภาพรวมเนื้อแท้ของการพัฒนาสหกรณ์ทั่วประเทศมีสินทรัพย์เกินกว่า 16% ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากสมาชิกสหกรณ์ นับว่ามีนัยสำคัญสูง ขณะเดียวกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชุดปัจจุบันใช้ระบบสหกรณ์เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ และปัจจุบันนี้ยังได้ดำเนินนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งได้อุดหนุนเม็ดเงินเข้าสู่ระบบสหกรณ์เกือบ 2,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจสหกรณ์
“สหกรณ์ภาคการเกษตรเป็นสหกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการผลิตสินค้าและผลผลิตการเกษตรที่สำคัญ ซึ่งสินค้าและผลิตภัณฑ์สหกรณ์ไทยจะมีความยั่งยืนได้ ต้องมีปัจจัยที่เกื้อหนุนหลายประการและต้องให้ความสำคัญหลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่ความซื่อสัตย์ในอาชีพ ลูกค้าซื้อสินค้าจากสหกรณ์ไป ตั้งแต่สินค้าชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้ายคุณภาพสินค้าต้องเหมือนเดิม สินค้าไม่ดีต้องรับประกันว่าสามารถนำมาเปลี่ยนใหม่ได้ ขณะเดียวกัน สหกรณ์ต้องรักษาคำมั่นสัญญาในการทำธุรกิจซื้อขายสินค้าระหว่างกัน และประการสุดท้าย สหกรณ์ต้องพัฒนาปรับปรุงสินค้าให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพราะโลกของเราเปลี่ยนทุกวัน เพราะทุกวันนี้สังคมเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคไร้เงินสดในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งสหกรณ์และกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สร้างความเข้าใจให้สหกรณ์ทั่วประเทศได้ปรับตัวให้ทันกับสังคมในยุคไร้เงินสดซึ่งการซื้อขายสินค้าระหว่างสหกรณ์กับสมาชิก ไม่จำเป็นต้องนำเงินสดมาชำระค่าสินค้า แต่จะเปลี่ยนมาใช้บัตรสมาชิกเพื่อใช้ในการซื้อขายแทน ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ในระหว่างการส่งเสริมให้สหกรณ์ทดลองใช้บัตรสมาชิกสหกรณ์ เป็นบัตรเงินสดที่สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้ผ่านระบบอินเตอร์เนต ซึ่งการเข้าสู่สังคมที่ไม่ใช้เงินสดจะสอดคล้องไปด้วยกันกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ต้องเห็นหน้ากัน แต่เป็นการเอาสินค้ามานำเสนอผ่าน
เว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ค เพื่อทำให้ผู้บริโภคสนใจในตัวสินค้า จนเกิดความไว้วางใจและตัดสินใจซื้อสินค้า
ขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้พัฒนาเว็บไซต์ขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้สหกรณ์ต่างๆ ได้มีช่องทางในการซื้อขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ และกำลังเจรจากับเว็บไซต์ที่ทำธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ เช่น ลาซาด้า และสร้างแอพฯ Co-op Shop ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์และจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สินค้าสหกรณ์ไทยที่ได้คัดเลือกมานำเสนอไว้ที่เว็บไซต์ดังกล่าว จะต้องอาศัยยุทธวิธีทางการตลาดให้เข้ากับยุคสมัยและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันสินค้านั้นต้องมีคุณประโยชน์ คุณภาพ คุณลักษณ์ คุณค่า และคุณธรรม ซึ่งการสร้างธุรกิจสหกรณ์ให้เติบโตในยุค 4.0 สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือ การตลาดแบบดิจิทัลและ Content Marketing ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันให้สินค้าสหกรณ์ไทยสามารถเติบโตได้ในยุคดิจิทัลได้ในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี