18 เม.ย.61 ที่สำนักานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อม พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป5) และ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.ร่วมแถลงสรุปผลการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าว่า สืบเนื่องจากตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วย เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยดำเนินการตามนโยบาย "ประชารัฐ" ในการบูรณาการการ ทำงานกับทุกภาคส่วน ระหว่างรัฐกับประชาชน ในการที่จะป้องกันอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุทางถนน ให้ลดลงเหลือน้อยที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และรักษาความสงบเรียบร้อย ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ให้ทุกหน่วย บช.น. , ภาค 1 - 9 ถือปฏิบัติ กำหนดระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 1 - 10 เม.ย.61 เน้นเป้าหมายยาเสพติด อาวุธปืน และการจับกุมตามหมายจับค้างเก่า ซึ่งคาดว่าบุคคลตามหมายจะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด พร้อมกันทั่วประเทศ ทุกหน่วยมีผลการระดมกวาดล้าง จับกุม เป็นที่น่าพอใจ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนเชิงป้องกัน ให้กำหนดแผนการตรวจ จัดระบบสายตรวจ มีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด (ว.43) ในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม เพื่อป้องกันเหตุ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์อาชญากรรมแต่ละพื้นที่ กวดขัน ตรวจตรา สถานบริการ และสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ โดยเฉพาะเวลาเปิด - ปิด การตรวจอาวุธปืน ยาเสพติด ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด การรวมทั้งจับกุมความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายการห้ามจำหน่ายกับบุคคล/สถานที่ ห้ามจำหน่าย ทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 ลงวันที่ 22 ก.ค.58 อย่างเคร่งครัด โดยในปีนี้ได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมประชารัฐร่วมใจ สงกรานต์ปลอดภัย "Safety Songkran Festival 2018" ให้ประชาชน สื่อมวลชน ทราบถึงความพร้อมการให้บริการของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ทั่วประเทศ โดยใช้แอพพลิเคชั่น Police I Lert U เสริมประสิทธิภาพการรับแจ้งเหตุให้กับพี่น้องประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยมีหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง ทุกค่ายทุกสำนัก เข้าร่วมในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนประชาชน
สำหรับการทำงานของแอพพลิเคชั่น Police I Lert U เมื่อผู้ใช้แอพฯ กดแจ้งเหตุ ระบบจะเชื่อมสัญญาณไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร สัญญาณจะเชื่อมต่อไปยังสถานีตำรวจพื้นที่ที่รับผิดชอบเหตุได้โดยตรงทั้ง 88 สถานี และพื้นที่อื่น 76 จังหวัด หลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ 191 จะประสานแจ้งไปยังสถานีตำรวจภูธรพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ได้มีประชุมซักซ้อม เตรียมความพร้อมการปฏิบัติของศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ทั่วประเทศ และการใช้แอพพลิเคชั่น Police I Lert U ไว้แล้ว โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบ ลงทุกพื้นที่ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และเดินทางตรวจเยี่ยมความพร้อม และกำชับการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุ บก.สปพ. ศูนย์วิทยุ บก.จร. และศูนย์วิทยุ บก.น.1 - 9 รวมตลอดถึง ศูนย์วิทยุของทุก สน.พร้อมทั้งได้มอบของตรวจเยี่ยม เพื่อเป็นขวัญกำลังให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุ ทุกศูนย์ และกำชับให้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบศูนย์วิทยุ ควบคุม กำกับ ดูแล อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการรับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชน ในการที่จะช่วยกันป้องกันอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุด้านการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ ได้เป็นอย่างดี
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่วอีกว่า ผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามโครงการประชารัฐร่วมใจ ดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (เทศกาลสงกรานต์ปี 2561) ห้วงวันที่ 11 - 17 เม.ย.61 ที่ผ่านมา มีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ทั้งสิ้น 8,348 หลัง คืนแล้ว 6,598 หลัง คงเหลือ 1,750 หลัง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 2,421 หลัง หรือคิดเป็นร้อยละ 40.8 อยู่ระหว่างการคืนบ้านให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความปลอดภัย ไปจนกว่าจะคืนบ้านหลังสุดท้ายให้กับเจ้าของบ้าน ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจพื้นที่ ที่รับผิดชอบตามโครงการ ว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติกับบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ แต่อย่างใด
ส่วนการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ผ่านหมายเลข 191 สาารถ สรุปข้อมูลการแจ้งผ่านศูนย์ 191 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ห้วงระหว่างวันที่ 11 - 17 เม.ย.61 มีสายเข้า 6,489 ครั้ง เป็นเรื่องร้องเรียน/แจ้งเบาะแส จำนวน 5,196 ครั้ง งานบริการ 1,293 ครั้ง ในส่วนการรับแจ้งเหตุฯ ของต่างจังหวัดอีก 76 จังหวัด จะได้รวบรวมให้ทราบต่อไป สำหรับข้อมูลแอพพลิเคชั่น Police I lert U ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 4 - 15 เม.ย.61 มียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น รวมทั้งสิ้น 29,576 ดาวน์โหลด ทำให้ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดรวมทั้งสิ้น 354,566 ดาวน์โหลด ซึ่งมียอดการแจ้งเหตุจริงจากพี่น้องประชาชน รวมทั้งสิ้น 134 ครั้ง
สำหรับสถานภาพคดีอาญาห้วงวันที่ 11 - 17 เม.ย.61 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย มีคดีเกิด 213 ราย จับกุม 125 ราย คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น เกิดขึ้นมากที่สุด 100 ราย สามารถจับกุมได้ 47 ราย ผู้ต้องหา 72 คน ประสิทธิภาพการจับกุมร้อยละ 57 ส่วนคดีทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย เกิดขึ้น 9 ราย สามารถจับกุมได้ทั้ง 9 ราย ประสิทธิภาพการจับกุม 100% โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์ ที่เกิดในพื้นที่ จ.ลพบุรี เสียชีวิต 1 ราย ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดี
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีเรื่องความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เกิดขึ้น 442 ราย จับกุมได้ 227 ราย ส่วนมากเป็นคดีลักทรัพย์ เกิด 228 ราย จับกุมได้ 129 ราย ประสิทธิภาพการจับกุมร้อยละ 56.6 ส่วนคดีที่เป็นเป้าหมายสามารถควบคุมและป้องกันได้ คดีวิ่งราวทรัพย์เกิดขึ้น 4 ราย คดีชิงทรัพย์ เกิด 9 ราย จับกุมได้ 8 ราย ประสิทธิภาพในการจับกุม ร้อยละ 88.9 ถือได้ว่าประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดคดี ซึ่งมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี