19 เม.ย.61 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาร ศธ.ว่า นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ได้รายงานความคืบหน้าการสืบสวน ว่า ขณะนี้การดำเนินการมีความคืบหน้ามาก โดยเห็นขั้นตอนต่างๆ ว่ามีการรั่วไหลตรงส่วนไหนบ้าง ออกไปได้อย่างไร และกระบวนการผิดพลาดอยู่ตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นขั้นการจ่ายเงิน การรับเงินที่ไม่มีใบเสร็จ ขั้นตอนการเสนอขออนุมัติ การประชุม และทำไมคนๆ เดียว จึงสามารถปลอมแปลงเอกสารได้ ทำให้เหมือนเอกสารราชการ โดยจะนำมาประมวลเพื่อไปใช้ป้องกันกับกองทุนอื่นๆ ด้วย รวมถึงการเยียวยาผู้เสียหาย เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจาก ศธ.ได้ รวมทั้งระหว่างพิจารณาความผิดทางละเมิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
ด้าน นายอรรถพล กล่าวว่า ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการสืบสวนทุจริตกองทุนเสมาฯ ต่อที่ประชุม โดยสรุปข้อมูลจนถึงวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีการโอนเงินกองทุนฯ ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ไปให้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 41 แห่ง 447 รายการโอน เป็นเงิน 70,372,423 บาท วิทยาลัยพยาบาล 26 แห่ง 130 รายการโอน เป็นเงิน 56,465,270 บาท สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 3 แห่ง 3 รายการโอน เป็นเงิน 7,587,602 บาท และโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง 39 ราย 349 รายการโอน เป็นเงิน 79,687,602 บาท โอนเข้าบัญชีอื่นซึ่งไม่รู้ว่าของใคร และปิดบัญชีแล้ว 68 บัญชี 119 รายการ เป็นเงิน 16,147,261 บาท รวมรายการโอนทั้งสิ้น 1,048 รายการโอน เป็นเงิน 230,251,144 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ข้อมูลมีความคืบหน้าไปมาก และยังค้นพบว่ากองทุนเสมาฯ มีจุดรั่วอยู่ตรงไหน โดยทางคณะกรรมการสืบสวนฯ จะพยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอข้อมูลจากบางแหล่ง ทั้งคำชี้แจงจากผู้บริหารระดับสูง ซึ่งกำหนดส่งให้ในวันที่ 25 เม.ย.ขอมูลการตรวจสอบตัวเลขที่แท้จริงจากศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) 12 แห่ง รอเอกสารอนุมัติเบิกเงินกองทุนฯ ปี 2553 จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ผลการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผลการตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีที่ปิดบัญชีแล้ว และสเตทเมนท์ของสถานศึกษา และผู้รับทุนจากธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่
"โดยเท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งถ้าเป็นการโอนจากสำนักงานปลัด ศธ.จะมีชื่อภาษาไทยขึ้นในสเตทเมนท์ ว่าโอนจาก สป.ศธ.แต่กรณีที่โอนจากบัญชีอื่น ซึ่งไม่รู้ว่าบัญชีใคร พบว่ามีปริมาณการโอนจากบัญชีอื่นค่อนข้างมาก จึงมั่นใจว่า หากได้สเตทเมนท์มาแล้ว จะสามารถขยายผลโดยใช้เลขที่บัญชีนำสืบต่อ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น อาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังรอสำเนาหนังสือราชการ ที่แจ้งไปยังสถานศึกษาที่มีการโอนเงินแล้ว เพราะพบว่ามีการปลอมแปลงหนังสือราชการ ซึ่งช่วงแรกจะเป็นหนังสือจริง และนับตั้งแต่ปี 2551 เริ่มมีการปลอมแปลงหนังสือราชการ พบว่าเกินครึ่งเป็นหนังสือปลอม ที่ลงนามโดยผู้ไม่มีอำนาจ หรือบางครั้งใช้เลขที่หนังสือที่เชิญให้จัดนิทรรศการมาเป็นหนังสือแจ้งการโอนเงิน ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีการโอนเงินจริง แต่เป็นการโอนจากเลขที่บัญชีอื่น ไม่ใช่บัญชีของสำนักงานปลัด ศธ.และอีกรอยรั่วหนึ่ง คือ กรณีที่สถานศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ออกใบเสร็จรับเงิน เมื่อมีการโอนเงินเข้าบัญชีสถานศึกษา ตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังปี 2520 และ 2551 ที่กำหนดว่า ในการรับเงินทุกกรณีจะต้องออกใบเสร็จทุกครั้ง อีกทั้งใบเสร็จที่ส่งกลับมาก็ไม่ได้นำมาเข้าระบบ แต่นำไปเก็บในกลุ่มงานอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง" นายอรรถพล กล่าว
ประธานคณะกรรมการสืบสวนฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้รายงานที่ประชุมว่า เรื่องนี้มีสัญญาเตือนมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2550 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือมาให้ ศธ.ชี้แจง แต่พบว่าในปีดังกล่าวไม่มีการประชุมคณะกรรมการกองทุนเสมาฯ แต่มาประชุมในปี 2551 ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญที่จะลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ ต่อมาในปี 2557 ป.ป.ท.มีหนังสือถึง ศธ.ให้ตรวจสอบอีก เนื่องจาก ป.ป.ท.ได้รับการร้องเรียนจากสถานศึกษาใน จ.เชียงใหม่ ว่ายังไม่ได้รับเงินของปี 2554 และ 2555 แต่ก็ถูกละเลย ไม่ได้มีการตรวจสอบในเชิงลึก เพียงแต่ให้เจ้าของเรื่องชี้แจง ซึ่งก็ชี้แจงว่าได้จ่ายเงินไปแล้วเมื่อปี 2556 ซึ่งตนรู้สึกว่าเสียดายโอกาส ทำไมครั้งนั้นจึงไม่มีใครตั้งข้อสังเกตว่า การค้างจ่ายตั้งแต่ปี 2554 แล้วมาจ่ายในปี 2556 เป็นเพราะอะไร และเมื่อตนเข้าไปสืบสวน ก็พบว่าเอกสารที่แนบมาชี้แจงก็เป็นเอกสารปลอม
"ขณะนี้ตัวเลขความเสียหายล่าสุด อยู่ที่ประมาณ 41,861,181 บาท จากเดิม อยู่ที่ 96,380,863 บาท เนื่องจากพบว่า มีการหมุนเงินระหว่างโรงเรียน เช่น ต้องโอนไเข้าบัญชีวิทยาลัยพยาบาล แต่กลับโอนไปเข้าโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ เป็นต้น โดยวิทยาลัยพยาบาล ยืนยันมาแล้ว 14 แห่ง ว่าขาดเงินอีก จำนวน 9,810,000 บาท และมีรับเงินเกิน 60,000 บาท รอข้อมูลอีก 12 แห่ง ซึ่งประมาณการว่า ขาดเงินอีก 20,774,000 บาท รวมแล้วคาดการณ์ว่า จะต้องหาเงินเยียวยาให้กับวิทยาลัยพยาบาล จำนวน 30,414,000 บาท
นอกจากนี้ สพฐ.ยืนยันแล้ว 26 จังหวัด ว่าขาดเงิน 8,989,160 บาท รับเงินเกิน 2,114,633 บาท รอยืนยันข้อมูลอีก 18 โรงเรียน ซึ่งข้อมูลเดิม 18 โรงเรียนนี้ ขาดเงิน 4,572,655 บาท รวมแล้วเฉพาะโรงเรียน สพฐ.คาดว่าจะขาดเงิน 11,447,181 บาท ทั้งนี้ เท่าที่ดูจากการสืบสวนที่ผ่านมา คิดว่า นางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ระดับ 8 ศธ.ยังเป็นเจ้าภาพหลักในการโกง ส่วนคนอื่นๆ เป็นผู้ช่วย แต่ก็ยังต้องรอข้อมูลประกอบการพิจารณาจาก ปปง.และ ป.ป.ท.ที่สามารถสอบเชิงลึกได้มากกว่าเรา" นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี