11 พ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กรณีพ้นตำแหน่ง สนช. ว่า หากไม่พบสิ่งผิดปกติในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินจะส่งเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา ก่อนที่ตนจะลงนามเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา รับรองว่าบุคคลดังกล่าว ได้ดำเนินยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอย่างถูกต้อง
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า หากพบว่า มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินที่ไม่ตรงกับที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบความมีอยู่จริง และที่มาที่ไปของทรัพย์สินนั้น และดำเนินการตรวจสอบในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยหากมีแนวโน้มว่าเป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ก็ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาพิจารณา ซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรณีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบในการพิจารณา
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ไม่ปรากฏหลักฐานการยืมและคืนเงิน 300 ล้านบาท ให้นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์-อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ตามที่ พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่าได้แจงในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.แล้ว ว่า การยื่นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สมยศ ต่อป.ป.ช. จะต้องยื่นในรายการบัญชีทรัพย์สิน 2 ตำแหน่ง คือ สนช. และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) โดยตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามกฎหมาย ป.ป.ช.ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะได้ แต่การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ
“ในประเด็นที่สังคมสนใจ คือ เรื่องการยืมเงิน 300 ล้านบาทจากนายกำพล เบื้องต้นป.ป.ช.ได้ให้ พล.ต.อ.สมยศ ชี้แจงข้อมูลมา ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ได้ส่งคำชี้แจงมาถึงสำนักงาน ป.ป.ช.แล้วภายในสัปดาห์นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบกระแสการเงินที่ได้ส่งหนังสือไปยังสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องแล้ว เพียงรอให้เขาชี้แจงมา อย่างไรก็ตามไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า พล.ต.อ.สมยศ ได้ชี้แจงต่อป.ป.ช.มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เพราะต้องขอให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินได้ตรวจสอบเสียก่อน” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สมยศ ยืมเงินนายกำพลในช่วงที่เป็น ผบ.ตร.หรือไม่นั้น ตนไม่ขอตอบเรื่องนี้ แต่เมื่อในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินไม่ปรากฎ ดังนั้นสื่อมวลชนต้องไปวิเคราะห์กันเอง แต่ทาง ป.ป.ช.ก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้สถาบันการเงินชี้แจงกลับมายัง ป.ป.ช. โดยเมื่อได้พยานหลักฐานแล้ว ก็จะให้เจ้าหน้าที่สรุปข้อมูลเบื้องต้น แล้วรายงานมาให้ตนทราบ
เมื่อถามว่า หากในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ไม่มีหลักฐานในการยืมเงิน 300 ล้านดังกล่าว แล้ว พล.ต.อ.สมยศ ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าวได้ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งไปคาดเดา รอให้ป.ป.ช.ได้ทำงานก่อน ซึ่งปกติแล้วเราจะให้เวลาสถาบันการเงินส่งเอกสาร หลักฐาน มาชี้แจงภายใน 30 วัน แต่ตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปยังสถาบันการเงินนาน 2 เดือนแล้ว จึงมีบางส่วนที่แจ้งกลับมาแล้ว และบางส่วนยังไม่ได้แจ้งกลับมาแต่อย่างใด รวมถึงบางส่วนที่ป.ป.ช.จะต้องสอบถามเพิ่มเติมไป ซึ่งในการตรวจสอบหากในกรณีจำเป็นก็ต้องประสานความร่วมมือกับปปง.ด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริง ยังไม่ถึงขั้นตั้งอนุกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด และในการรวบรวมพยานหลักฐานก็ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และถ้อยคำ แต่หากนายกำพลไม่สามารถมาให้ข้อมูลได้ก็จะต้องดูที่พยานหลักฐานอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ปัจจุบัน นายกำพล กำลังอยู่ระหว่างหลบหนีคดีค้ามนุษย์ จากกรณีการจับกุมขบวนการค้ากามสถานบริการ 'วิคตอเรียน ซีเครท' โดยเจ้าหน้าที่คาดว่า นายกำพล ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ เปิดกรุสมบัติ‘สมยศ’ไร้เอกสารกู้-คืนเงินเสี่ยกาม‘วิคตอเรีย’
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี