เริ่มขึ้นแล้วกระบวนการถอดยศ! "รุ่งโรจน์" เผย ตร.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาพฤติกรรม "สันธนะ" คู่ขนานกับการดำเนินคดีแล้วฐานทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย ชี้ถอดยศได้ทันทีหากพบผิดไม่จำเป็นต้องให้คดีสิ้นสุด เตรียมยื่นหนังสือต่อศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่ม "บิ๊กป้อม" ชี้ถ้าเข้าข่ายผิดวินัย 7 ข้อโดนแน่ ด้าน "เมียสันธนะ" บุกยื่นหนังสือ กสม.ร่ำไห้โผเข้ากอด"อังคณา"ช่วยสามีและเข้ายื่นร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างประเทศด้วย
เริ่มแล้ว!กระบวนการ"ถอดยศสันธนะ"
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าตลาดใหม่ดอนเมืองว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาคู่ขนานกับการดำเนินคดีเพื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมของ พ.ต.ท.สันธนะว่าได้ทำให้องค์กรตำรวจเสียหายหรือไม่ หากมีการใช้ยศตำรวจ แล้วพบพฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียก็เป็นเหตุให้ดำเนินการถอดยศตำรวจได้ เพราะถือว่าใช้ยศตำรวจทำให้เกิดความเสียหายกับองค์กร ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ผลคดีถึงที่สุดก็มีเหตุปัจจัยอื่นๆ ให้สำนักงานตำรวจแก่งชาติ มีข้อพิจารณา เสนอถอดยศได้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาขอให้รอดูอีกไม่นาน
"ตอนนี้กระบวนการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะ เริ่มแล้วโดยทำควบคู่กับคดีอาญา การพิจารณาถอดยศ สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอให้คดีสิ้นสุด" พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าว
จ่อยื่นคำร้องศาลเพิกถอนประกันตัว
พร้อมกล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการพิจารณาพฤติกรรมของ พ.ต.ท.สันธนะด้วยว่าเข้าข่ายข่มขู่คุกคามผู้ค้าที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าตัวหรือไม่ หากเป็นการคุกคามจริง พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว และขณะนี้ได้มีผู้ค้าจำนวนมากเข้าให้ปากคำกับตำรวจเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.สันธนะกับพวกเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มแน่นอน
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยืนยันว่า ตลาดใหม่ดอนเมือง ไม่มีทหารอากาศหรือเจ้าหน้าที่รัฐให้ความคุ้มครอง เจ้าของคือนายสุชาติ โชว์วิวัฒนา หรือเสี่ยเส็ง ซึ่งได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว ตอนนี้กำลังพิจารณาว่าร่วมกับ พ.ต.ท.สันธนะ กรรโชกทรัพย์ผู้ค้าหรือไม่
โต้ "เมียสันธนะ" ตร.ทำตามขั้นตอน
ส่วนที่นางพรรณี ประยูรรัตน์ ภรรยาของ พ.ต.ท.สันธนะ ร้องเรียนว่ามีการทำเกินกว่าเหตุในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวสามีที่บ้านของบิดานั้นยืนยันตำรวจทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อศาลออกหมายจับตำรวจก็มีหน้าที่ในการติดตามจับกุมบุคคลตามหมาย ส่วนการใช้กำลังหรือยุทธวิธีก็ใช้ไปตามความเหมาะสม ไม่มีใครทำอะไรเกินเลย ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องมีการใช้กำลังบ้างตามความเหมาะสม แต่ในวันนั้นไม่เกินเลยอยู่ในกรอบของกฎหมาย
ส่วนผู้ต้องหาที่ทางศาลออกหมายจับ ทั้งหมด 11 คนในข้อหากรรโชกนั้นทราบว่าทุกคนได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว
หลักฐานโยงถึงใครดำเนินคดีทั้งหมด
"สำนวนการสอบสวนในคดีนี้ เป็นที่น่าพอใจ เริ่มตั้งแต่ศาลท่านให้ออกหมายจับ แสดงว่าเรามีพยานหลักฐาน ทำให้ท่านใช้ดุลยพินิจในการออกหมายจับมีพยานหลักฐานเพียงพอ การออกหมายต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพอสมควรนำสู่ศาล ส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.สันธนะ หรือไม่ ยังไม่ขอพูดล่วงหน้า เพราะทุกอย่างต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานครบตอนไหนก็คือตอนนั้น เช่นเดียวกันกับกรณีเสี่ยเส็ง เจ้าของตลาดที่เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว ถ้าพยานหลักฐานถึงใครก็ดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งเส้นทางการเงินทาง ปปง.ก็จะเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพราะเริ่มเป็นความผิดมูลฐานข้อหากรรโชกทรัพย์เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงินอยู่แล้ว" พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าว
ชี้ถ้า"พ่อสันธนะ"ไม่เจตนาก็พ้นผิด
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย ประยูรรัตน์ บิดา พ.ต.ท.สันธนะ เป็นเรื่องของสน.โชคชัยไม่เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนคดีกรรโชกทรัพย์ที่ ผบ.ตร.แต่งตั้งขึ้น การให้ที่พักพิงเป็นเรื่องของสถานีตำรวจในพื้นที่ ซึ่งอาจจะไม่ผิดก็ได้ เพราะเป็นการสอบสวนธรรมดาเหมือนกับการไปจับผู้ต้องหาคนอื่นได้ที่บ้านก็ต้องมีการตรวจสอบเหมือนกันว่ารู้หรือไม่ถ้าไม่รู้ก็จบ การออกหมายเรียกเป็นเพียงการตั้งต้นถ้าตรวจแล้วไม่ผิดก็จบไม่มีอะไร ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีการแจ้งข้อหา ตำรวจจะไปแจ้งข้อหาใครโดยไม่มีความผิดไม่ได้อยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าว่า เรื่องที่ตนมีรายชื่อถูก พ.ต.ท.สันธนะ ร้องเรียน ตนไม่ขอตอบดีกว่า เพราะมีคณะทำงานอยู่ ส่วนการออกหมายเรียกบิดาของ พ.ต.ท.สันธนะ มาพบ เป็นการดำเนินการในส่วนของ สน.โชคชัย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ถูก แต่อาจจะเสียความรู้สึกตรงที่ท่านอายุมากแล้ว แต่เป็นการเรียกมาให้ถ้อยคำ ในกรณีการให้ที่พักพิง ถ้าไม่มีเจตนาก็จะได้สิ้นกระแสความสงสัยไป ไม่ได้มีอะไรว่าไปตามขั้นตอนแค่นั้นเอง ส่วนที่มีการฟ้องตนไม่เป็นไรก็ต้องอดทน
บิ๊กป้อมชี้เข้าข่ายผิดวินัย7ข้อโดนแน่
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะ ยื่นหนังสื่อถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เพื่อฟ้องร้องตำรวจระดับนายพล 3 นายว่า ก็ว่ากันไปตามเรื่อง พ.ต.ท.สันธนะ ทำอะไรไป เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็หาพยานหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดี ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นายพลทั้ง 3 นายถือเป็นเรื่องส่วนตัว
"ยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.สันธนะ ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ส่วนการถอดยศนั้น หากพบว่า พ.ต.ท.สันธนะ กระทำความผิดตามเงื่อนไขทางวินัย 7 ข้อ ก็จำเป็นต้องถอดยศออก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะต้องไปตรวจสอบก่อนว่ากระทำผิดจริงหรือไม่" พล.อ.ประวิตร กล่าว
อนึ่ง สำหรับนายตำรวจยศระดับนายพล 3 นายที่ พ.ต.ท.สันธนะ ได้ส่งตัวแทนเข้ายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา, พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล
ถ้า ตร.กลัวผู้ต้องหาปชช.จะพึ่งใคร
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันตนทำตามหน้าที่ ส่วนที่ พ.ต.ท.สันธนะยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.จะดำเนินคดีกับนายตำรวจ 3 นาย ถึงมีตนรวมอยู่ด้วยกัน ยืนยันว่าตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ พ.ต.ท.สันธนะ ตนทำตามหน้าที่และไม่กลัวที่จะถูกฟ้องกลับ
"ถ้าตำรวจกลัวผู้ต้องหา ประชาชนจะพึ่งใคร ถ้าทำเพื่อประชาชนกฎหมายจะคุ้มครองตัวเราเอง" พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว
"เมียสันธนะ"ร้อง กสม.ถูกค้นบ้าน
ทางด้านนางพรรณี ประยูรรัตน์ ภรรยาของ พ.ต.ท.สันธนะ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ผ่านนางอังคณา นีละไพจิตร กสม.เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าบุกค้นที่คอนโดย่านพหลโยธิน บ้านพักย่านรามอินทรา และจับกุม พ.ต.ท.สันธนะ
โดยนางพรรณี กล่าวว่า หลังจากการตรวจค้นคอนโดที่ผ่านมา ส่งผลให้ตนเองไม่สามารถเข้าไปพักได้อีก เนื่องจากเกิดผลกระทบหลายอย่าง โดยมีการดักฟังโทรศัพท์ของตนเอง ติดตามคนในครอบครัว และเจ้าหน้าที่ได้นำบัญชีธนาคารของตนและครอบครัวไปทำให้เกรงว่าจะมีการยัดคดีอะไรให้อีกหรือไม่ เพราะเวลานี้มีการแจ้งข้อกล่าวพา พ.ต.อ.สันธนะ เพิ่มขึ้นรวม 45 ข้อหา ผู้ต้องหาเพิ่มเป็น 11 คน แต่นับแล้วยังไงก็ไม่ครบ จึงเกรงว่าในจำนวนนั้นมีตนรวมอยู่ด้วย ซั่งก็ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน
หวั่นครอบครัวและสามีจะไม่ปลอดภัย
ส่วนที่ต้องมายื่นร้องต่อกรรมการสิทธิ เพราะไม่มีที่พึ่ง อยากให้ กสม.คุ้มครองและเป็นการแจ้งให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องสิทธิมนุษยชนได้เข้ามารับรู้เรื่องราวก่อนที่บางอย่างมันจะเกิดขึ้นแล้วแรงไปมากกว่านี้เพราะก็กังวลว่าจะเกิดอันตรายกับสามีและครอบครัวไปมากกว่านี้
"มีหลายเรื่องที่ไม่สบายใจแต่พูดตรงนี้ไม่ได้ ไม่เข้าใจทำไมเรื่องต่างๆ ต้องเกิดขึ้นกับดิฉันและครอบครัว การที่ตำรวจปฏิบัติเช่นนี้กับครอบครัวดิฉัน ถามว่าคุณก็จะปฏิบัติแบบนี้กับครอบครัวอื่นๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกันใช่หรือไม่" นางพรรณี กล่าว
จ่อบุกร้องเรียนหน่วยงานต่างประเทศ
นางพรรณี กล่าวต่อว่า ตนไม่คิดจะฟ้องกลับตำรวจ เพราะไม่ใช่คนนิยมความรุนแรง แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติตามกฎหมายอย่างยุติธรรมเท่าเทียมกันทุกครอบครัว ให้ครอบครัวตนเป็นครอบครัวสุดท้ายที่ถูกกระทำ และหลังจากนี้ก็จะพิจารณาว่าจะยื่นร้องต่อหน่วยงานใดอีกหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีหน่วยงานในต่างประเทศติดต่อมาขอรายละเอียดแล้ว เรื่องนี้จึงไปถึงต่างประเทศแล้ว
ส่วนกรณีจะมีการถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะ นั้นก็ได้ทราบข่าวจากญาติเมื่อช่วงเที่ยงว่ามีการถอดยศแล้ว ซึ่งตนไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะเรื่องยศ เป็นของสูงที่ต้องได้รับพระราชทาน จึงไม่น่าเป็นเรื่องที่จะมาถอดกันง่ายๆ สำหรับกรณีที่เปิดเผย 3 นายพลที่สามีจะฟ้องกลับ ยืนยันไม่กลัวอิทธิพลและอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทันทีที่นางอังคณา มารับเรื่องนางพรรณี ได้โผเข้ากอดพร้อมร่ำไห้และกล่าวว่า "หนูหาที่พึ่งอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้จะพึ่งอะไรแล้ว"
รับตรวจสอบทำเกินกรอบ กม.หรือไม
ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร กล่าวว่า เบื้องต้นจะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่ามีการกระทำเกินกรอบของกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ส่วนกรณีที่ตำรวจเข้าไปบุกจับ พ.ต.ท.สันธนะ ภายในคอนโดมีเนี่ยมเมื่อวันที่ 12 พ.ค.จะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น เบื้องต้นรับแจ้งจากตำรวจว่ามีเหตุผลในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมมีหมายค้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องดูว่าการเข้าจับกุมมีความรุนแรงหรือไม่ รวมถึง พ.ต.ท.สันธนะ ได้รับสิทธินตามกฎหมายหรือไม่
นางอังคณา ยังกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกบิดาของ พ.ต.ท.สันธนะ เข้ามาให้ปากคำด้วยว่าจะต้องตรวจสอบว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคลไม่ใช่เรื่องของครอบครัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี