22 พ.ค.61 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รอง ผบช.ทท.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกกองบัญชาการในสังกัดกำชับกวดขันการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับในสังกัด เป็นไปด้วยความเป็นธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดโดยเคร่งครัด และห้ามมีการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ค.61 ได้มีผู้เสียหายมาร้องเรียนเกี่ยวกับการแอบอ้างว่าเป็นตน เรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4(บช.ภ.4) ในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2560 ระดับชั้นสัญญาบัตรของรองผู้บังคับการถึงสารวัตร และระดับรองสารวัตรถึงระดับชั้นประทวน เหตุเกิดระหว่างเดือน ต.ค.60 จนถึงเดือน มี.ค.61 เป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวน 6 ราย มูลค่าความเสียหาย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,210,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนรวบรวบพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา คือ นายไพจิตร์ สายยา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อประมาณปลายปี 57 นายไพจิตร์ สายยา ได้หลอกลวงผู้เสียหายรายที่ 1 โดยใช้โทรศัพท์และอ้างตัวเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) โดยได้พูดคุยกับผู้เสียหายรายที่ 1 เรื่อยมาจนกระทั่งกลางปี 60 ทำให้ผู้เสียหายรายที่ 1 หลงเชื่อโดยสนิทใจว่าบุคคลที่คุยด้วยนั้น คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ จริง ต่อมาก่อนที่จะมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 60 ผู้ต้องหาได้อ้างว่าตนสามารถโยกย้ายให้ข้าราชการตำรวจไปดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้นหรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ๆต้องการได้
นอกจากนี้ผู้ต้องหาได้สั่งการให้ผู้เสียหายรายที่ 1 เป็นผู้จัดหาข้าราชการตำรวจที่มีความต้องการโยกย้ายและรวบรวมค่าดำเนินการทั้งหมดมาไว้ที่บัญชีของผู้เสียหายรายที่ 1 ก่อนที่จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของผู้ต้องหา โดยมีการตกลงกันระหว่างผู้ต้องหาและผู้เสียหายว่าจะต้องจ่ายเงินค่ามัดจำเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งก่อน ของแต่ละคนตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยมีมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ จากสารวัตร ขึ้น รองผู้กำกับการ จ่ายเงิน 510,000 บาท / รองผู้บังคับการ ขอย้าย จ่ายเงิน 500,000 บาท / สารวัตร ขึ้น รองผู้กำกับการ จ่าย 2,500,000 บาท / ผู้กำกับการ ขอย้าย จ่าย 100,000 บาท / สารวัตร ขึ้น รองผู้กำกับการ จ่าย 500,000 บาท / และผู้บังคับหมู่ ขอย้าย จ่าย 100,000 บาท
กระทั่งเมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสองมีผลแล้ว ปรากฏว่าผู้เสียหายทั้ง 6 ราย ไม่ได้โยกย้ายตามที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายทั้ง 6 ราย จึงทวงถามไปยังผู้ต้องหา กลับได้คำตอบว่า ต้องรอคำสั่งในวาระหน้าจะดำเนินการให้ได้อย่างแน่นอน แต่ไม่มีการคืนเงินทั้งหมดให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 6 ราย เกิดความสงสัยในตัวผู้ต้องหาว่าเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล จริงหรือไม่ จึงได้มาแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ที่ สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
หลังจากที่ผู้เสียหายได้เข้ามา ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายได้ใช้บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นายไพจิตร์ สายยา เลขที่บัญชี 020117110203 เพื่อใช้รับเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย และจากการตรวจสอบข้อมูลทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมอบให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครพนม ตามหมายจับที่ จ.94/2561 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 ข้อหา “ฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น” และในส่วนความผิดส่วนบุคคล ซึ่งมี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นผู้เสียหายในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 “ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับพักอาศัยอยู่บริเวณอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในซอยอ่อนนุช 46 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงวางกำลังเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบผู้ต้องหาเดินออกมาจากที่พัก จึงทำการจับกุมดังกล่าว
“ผมยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมไม่เคยซื้อขายตำแหน่ง ส่วนผู้ต้องหาเป็นอดีตคนขับรถแท็กซี่ นำเงินที่ได้ทั้งหมดไปซื้อที่ดิน 16 ไร่ ต.คำตะกร้า จ.สกลนคร และรถยนต์ 1 คัน โดยไม่พบเส้นทางการเงินที่โอนไปยังบุคคลอื่นที่เหนือขึ้นไป และไม่พบความสัมพันธ์กับข้าราชการที่ทำให้สามารถเลื่อนตำแหน่งได้ ขณะที่ตำรวจทั้ง 6 คน ที่ซื้อตำแหน่งจะถูกดำเนินคดีอาญา ข้อหาสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด และตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง อาทิ ตำรวจสังกัดภูธร ภาค 4 และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” รอง ผบช.ทท.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี