วันที่ 25 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการบุกเข้าตรวจค้น 3 วัดดังใน กทม. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรวิหาร วัดสัมพัธวงศารามวรวิหาร และวัดสามพระยาวรวิหาร ว่า ขณะอยู่ระหว่างการติดตามตัวพระ 2 รูปที่หลบหนี คือ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร  กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะภาค 10 กับ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7

โดยเมื่อมีการออกหมายจับพระทั้ง 2 รูป ทางเจ้าหน้าที่จะการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเข้าเมืองลงรายชื่อขึ้นแบล็คลิลส์ไม่ให้ออกนอกประเทศ และมีเมื่อมีการเดินทางไปที่ไหนก็จะขึ้นว่า รายชื่อดังกล่าวมีหมายจับไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนขณะนี้จะอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ นอกจากนี้ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์แล้วนั้น ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน โดยจากการสอบปากคผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ

พล.ต.ต.ไมตรี ยังเปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถจับภาพได้ว่า มีรถกระบะสีดำมารอรับเจ้าอาวาสวัดสระเกศหลบหนีไป ว่า ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวัดพบว่า มีการลบทิ้งทำลายไปบางส่วน ส่วนจะมีเกลือเป็นหนอนแจ้งให้หลบหนีก่อนเข้าจับกุมหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบ

สำหรับรายละเอียดที่ว่า จะมีการเข้าข้นวัดใดเพิ่มเติม หรือจะมีการออกหมายเรียก หมายจับใครอีกหรือไม่นั้น ต้องรอความชัดเจน โดยเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์จะเป็นประธานในการประชุมดังกล่าว  ที่กองบังคับการปราบปราม

พล.ต.ต.ไมตรี ระบุทิ้งท้ายถึงกรณีอาจมีม็อบพระออกมาเคลื่อนไหวกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่า อยากให้แยกแยะให้ถูก พระผู้ใหญ่บางองค์มีการออกมาพูดว่าการที่ไปตรวจสอบทรัพย์สินของพระ เหมือนกับเป็นการไปตรวจสอบศรัทธาของประชาชน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ศัทธาประชาชนที่เขาเอาเงินมาทำบุญนั้น เขามีความประสงค์อะไร เขานำเงินมาทำบุญบำรุงพระพุทธศาสนา ไม่ใช่นำเงินที่มาทำบุญใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง