5 มิ.ย.61 นางทิพวรรณ สัมฤทธิ์ ผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้อง ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า ปัจจุบันตนเองอายุ 61 ปี ภายหลังจากป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้เข้ารับการล้างไตด้วยวิธีล้างไตผ่านช่องท้อง (Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis: CAPD) ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 7 ปี โดยได้ทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกขั้นตอน และกินยาที่คุณหมอสั่งจ่าย ทั้งนี้แม้ว่าการล้างไตผ่านช่องท้องคนไข้ต้องทำด้วยตนเอง แตกต่างจากการล้างไตผ่านเครื่องฟอกไตเทียม แต่ส่วนตัวแล้วไม่รู้สึกยุ่งยาก ทั้งยังสะดวกกว่า ไม่ต้องเดินทางไปกลับโรงพยาบาลและนอนฟอกไตอีก 4-6 ชั่วโมง ไม่รวมเข้าคิวรอฟอกไตอีก 1-2 ชั่วโมง ขณะที่ล้างไตผ่านช่องท้อง นอกจากคนไข้ทำได้เองที่บ้านแล้ว ยังทำกิจวัตรประจำวันเป็นปกติ ทั้งทำสวน ทำงานบ้าน ขัดห้องน้ำ ทำกับข้าวได้ สำหรับตัวเองแล้วมองว่าเป็นชีวิตที่ดีและสุขสบายกว่า  

“ในการล้างไตผ่านช่องท้อง พอตื่นเช้ามาเราก็เปลี่ยนน้ำยาล้างไต 1 รอบ จากนั้นตอนเวลา 10-11 โมงก็ล้างอีกรอบ ตอนเย็นช่วงเวลา 5-6 โมงเย็นก็ล้างไตอีกรอบ และก่อนนอนเวลา 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนก็อีกรอบหนึ่ง รวมล้างไต 4 รอบต่อวัน ทำตามเวลาที่กำหนด ตอนล้างไตไปก็ดูทีวีไปด้วย สุขกาย สบายอารมณ์ วันๆ คำว่าเบื่อไม่มี และเวลาคุณหมอนัดก็ไปตรวจตามนัด ทำให้ที่ผ่านมาไม่เคยติดเชื้อจากการล้างไตผ่านช่องท้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุขภาพโดยรวมค่อนข้างดี” ผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้อง กล่าวและว่า ส่วนถุงน้ำยาล้างไตกับกล่องกระดาษยังเก็บมาขายให้กับคนที่รับซื้อ เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นกระเป๋าและของใช้ต่างๆ ขาย ซึ่งเป็นประโยชน์และทำให้เรามีรายได้เพิ่มอีก” นางทิพวรรณ กล่าว   

นางทิพวรรณ กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณรัฐบาล คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบอร์ด สปสช.ที่ได้จัดชุดสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้สามารถเข้าถึงการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทำให้ทุกคนมีสิทธิมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่ายากดีมีจน ต่างมีสิทธิเสมอเท่ากันหมด