จับแล้ว‘ไอ้วุธ’อดีตแฟนเก่า
มือฆ่าหั่นศพ
ทำแผนสารภาพปมหึงหวง
พบวงจรปิดหลักฐานมัด
ญาติเศร้ารอรับศพเหยื่อ
โพลล์หนุนโทษประหาร
วงจรปิดมัดหนุ่มโหด มือฆ่าหั่นศพแฟนสาว โยนทิ้งป่าริมทาง ตร.เค้นสอบเครียด เปิดปากรับทำเพราะหึงหวง คุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ด้านญาติเหยื่อเศร้า รับศพกลับบ้านเกิด จ.ร้อยเอ็ด ร้องขอให้ลงโทษประหารตายตกไปตามกัน โพลล์ชี้ ปชช.หนุน คงโทษประหารชีวิต
จากคดีฆ่าหั่นศพสะเทือนขวัญสยองกรุง โดยคนร้ายฆ่า น.ส.ลักษณา หรือเมย์ กำลังเก่ง อายุ 27 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด พนักงานบัญชี บริษัท พริ้นต์ วิทมี จำกัด ก่อนชำแหละศพ แยกส่วนทั้งศีรษะ ลำตัว ออกเป็น 14 ชิ้น นำใส่กระสอบไปโยนทิ้งในสวนป่า ซอยสามวา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.ว่า ภายหลัง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีนบุรี นำกำลังคุมตัว นายธนกฤต ประกอบ หรือวุธ อายุ 36 ปี อดีตแฟนผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยไว้สอบปากคำอย่างเคร่งเครียดนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ปรากฏภาพคลิปวีดีโอช่วงนาที ก่อนที่ น.ส.ลักษณา จะถูกนายธนกฤต สังหาร โดยคลิปภาพปรากฏเห็นนายธนกฤต สวมหมวกกันน็อก ไขประตูห้องพักภายในซอยรามอินทรา 83 แยก 2 เขตคันนายาว กทม.ซึ่งมี น.ส.ลักษณา เดินตามหลังมาด้วย ก่อนทั้งคู่จะเข้าไปภายในห้อง ซึ่งเวลาจากวงจรปิด ระบุไว้คือ 18.44 น.วันที่ 12 มิถุนายน ต่อมาเวลา 04.21 น.วันที่ 14 มิถุนายน วงจรปิดจับภาพนายธนกฤต เปิดประตูห้อง พร้อมกับถือถุงพลาสติกและถุงปุ๋ยใบใหญ่ออกมาด้วย ซึ่งถุงทั้งหมดภายในเป็นชิ้นส่วนศพของ น.ส,ลักษณา หลังจากถูกนายธนกฤต ลงมือฆ่าแล้วนำไปโยนทิ้งป่า ก่อนจะกลับมายังห้องพักในเวลา 04.23 น.ของวันเดียวกัน ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นหลักฐานมัดตัวนายธนกฤต จนต้องยอมรับสารภาพในที่สุด
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายธนกฤต รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.ลักษณา แฟนสาว เพราะความหึงหวง โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่กินกันมาประมาณ 2 ปี ได้ขอกลับไปบ้านเกิด จ.ร้อยเอ็ด นายธนกฤต ก็อนุญาตให้ไป แต่ระหว่างนั้นกลับระแวงสงสัย จนเมื่อแฟนสาวกลับมาที่ห้องพัก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้บอกว่าจะขอกลับไปเลี้ยงลูก 2 คน ที่เกิดกับสามีเก่า และบอกเลิกกับนายธนกฤต จึงทำให้นายธนกฤต เกิดบันดาลโทสะ ใช้ค้อนทุบศีรษะผู้เสียชีวิต 2 ครั้ง จนแน่นิ่งบนที่นอน จากนั้นจึงนำผ้าห่มมาห่อตัวผู้เสียชีวิตไว้และยังนอนอยู่ในห้องพัก
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน นายธนกฤต ได้ออกไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งกลับมาแล้วจึงลากศพแฟนสาว ห่อด้วยผ้าไปในห้องน้ำ แล้วค่อยๆ ลงมือหั่นศพทีละชิ้นด้วยความชำนาญ เนื่องจากเคยทำงานที่โรงงานแล่ไก่มาก่อน จากนั้นจึงนำใส่ถุงดำ ลากออกจากห้องไปไว้ในจักรยานยนต์แล้วนำไปโยนทิ้งในจุดที่พบศพผู้เสียชีวิต
ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.พร้อมคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า นายธนกฤต ได้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.ลักษณา เนื่องจากความหึงหวง หลังจากถูกผู้เสียชีวิตบอกเลิก เพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด ไปหาสามีเก่า โดยนายธนกฤต รับสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะหลงรักฝ่ายหญิงมาก โดยมีดที่ใช้ลงมือก็อยู่ในห้อง ไม่ได้เตรียมการหรือวางแผนเพื่อจะฆ่าผู้เสียชีวิต เพียงแต่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายธนกฤต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังที่พักจุดเกิดเหตุ และจุดที่ได้นำชิ้นส่วนศพผู้เสียชีวิตไปโยนทิ้ง ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณริมถนนสามวา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.ซึ่งเป็นจุดที่พบชิ้นส่วนศพ น.ส.ลักษณา ถูกสังหารและชำแหละร่างเป็น 14 ชิ้น แยกยัดใส่กระเป๋า กระสอบปุ๋ย และถุงดำ ทิ้งกระจายอยู่ในป่าข้างทาง ได้มีประชาชนที่สนใจเดินทางมาปักหลักรอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยต่างต้องการเห็นใบหน้าของผู้ต้องหารายนี้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้กันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนา มีการนำเชือกมากั้นพื้นที่ห้ามเข้า
มีรายงานข่าวว่า ได้มีกระแสข่าวลือหนาหูในหมู่ชาวบ้านละแวกดังกล่าว ว่าเมื่อช่วง 1-2 คืนที่ผ่านมา ชาวบ้านหลายรายที่สัญจรผ่านไปมาบนถนนสายดังกล่าว ได้พบเห็นเงาของหญิงสาวรายหนึ่ง ยืนอยู่บริเวณริมทาง บางคนก็ได้ยินเสียงคล้ายผู้หญิงกำลังร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ดังออกมาจากจุดดังกล่าว จนทำให้ชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นวิญญาณของ น.ส.ลักษณา ผู้เสียชีวิต ที่ปรากฏกายให้เห็นเพื่อขอความช่วยเหลือ
อีกด้านหนึ่ง ที่ รพ.ตำรวจ นายแก้วมูล กำลังเก่ง อายุ 49 ปี บิดาของ น.ส.ลักษณา ผู้เสียชีวิตซึ่งถูกนายธนกฤต ฆ่าหั่นศพ ได้เดินทางมายังสถาบันนิติเวชวิทยา นำเอกสารหลักฐานการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ใช้ยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชฯ เพื่อขอรับศพ น.ส.ลักษณา ไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล
นายแก้วมูล เปิดเผยทั้งน้ำตานองหน้า ว่ายังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้เจ้าหน้าที่ลงโทษนายธนกฤต เช่นเดียวกับที่ได้ทำกับลูกสาวตน เพราะเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ที่ผ่านมาลูกสาวไม่ค่อยเล่าเรื่องปัญหาครอบครัวให้ฟังมากนัก แต่ทราบว่านายธนกฤต อดีตแฟนหนุ่ม เคยทำร้ายร่างกายลูกสาว กระทั่งติดต่อลูกสาวไม่ได้นานกว่า 1 สัปดาห์ จนมาพบเป็นศพถูกหั่นบรรจุใส่กระเป๋าอย่างโหดร้าย ซึ่งหลังจากนี้จะนำศพกลับไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดดงหัวเรือ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยยังไม่มีกำหนดสวดพระอภิธรรม หรือฌาปนกิจ เพราะอยากพาลูกสาวกลับบ้านเกิดให้เร็วที่สุด
ส่วนบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 8 บ้านดงหัวเรือ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บ้านของ น.ส.ลักษณา ผู้เสียชีวิตนั้น ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางพัชรา กำลังเก่ง มารดาของ น.ส.ลักษณา รวมถึงญาติพี่น้อง ซึ่งทั้งหมดรับทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว โดยทั้งหมดต่างอยู่ในอาการเศร้าโศก และยังไม่มีการเตรียมจัดการงานศพ ส่วนเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างแวะเวียนมาให้กำลังใจไม่ขาดสาย
นางพัชรา กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า ว่า นายธนกฤต คบหากับลูกสาวตนได้ 2 ปีแล้ว เวลาลูกสาวกลับบ้าน นายธนกฤต ก็จะมาด้วย ซึ่งดูภายนอกเขาก็เป็นคนเงียบๆ นิสัยดี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ครั้งแรกก็ยังไม่คิดว่า นายธนกฤต จะเป็นคนลงมือฆ่าลูกสาว ไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งเวลานี้ตนและครอบครัวยังทำใจไม่ได้ และอยากเรียกร้องให้ลงโทษประหารชีวิต เพราะหากนายธนกฤต ได้รับโทษเพียงจำคุก เมื่อพ้นโทษออกมาก็อาจจะก่อเหตุลักษณะนี้กับคนอื่นได้อีก ตนไม่อยากให้คนชั่วแบบนี้มีชีวิตอยู่
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “โทษประหารชีวิต ควรหยุดหรือไปต่อ” ระหว่างวันที่ 21 - 22 มิถุนายน 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,251 ตัวอย่าง โดยบทลงโทษที่ผู้กระทำความผิดในคดีร้ายแรงควรได้รับระหว่าง โทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษประหารชีวิต พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 80.50 ระบุว่าโทษประหารชีวิต รองลงมาร้อยละ 18.86 ระบุว่าโทษจำคุกตลอดชีวิต และร้อยละ 0.64 ไม่ระบุ
สำหรับบทลงโทษประหารชีวิตจะมีผลทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทยมีความศักดิ์สิทธิ์หรือน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นหรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 85.29 ระบุว่า ทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น เพราะแสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีความเด็ดขาด สร้างความเกรงกลัวให้ประชาชนไม่กล้าที่จะกระทำความผิดอีก รองลงมา ร้อยละ 12.07 ระบุว่าไม่ได้ทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่มีความโปร่งใส มีช่องโหว่ทางกฎหมาย และร้อยละ 2.64 ระบุว่าไม่แน่ใจ ส่วนโทษประหารชีวิตจะทำให้คดีอาชญากรรมลดลงหรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 79.05 ระบุว่าจะทำให้คดีอาชญากรรมลดลง รองลงมาร้อยละ 15.83 ระบุว่าจะทำให้คดีอาชญากรรมเท่าเดิม และร้อยละ 2.88 ระบุว่าจะทำให้คดีอาชญากรรมเพิ่มขึ้น สำหรับโทษประหารชีวิตควรมีต่อไปหรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ92.49 ระบุว่าควรมีโทษประหารชีวิตต่อไป เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นบทเรียนเตือนใจให้แก่ผู้กระทำความผิด และร้อยละ 7.51 ระบุว่าไม่ควรมีโทษประหารชีวิตต่อไป เพราะไม่ได้ทำให้คดีอาชญากรรมลดลง ควรให้โอกาสสำหรับผู้ที่กระทำผิด
ขณะที่ คดีที่ผู้กระทำผิดสมควรได้รับโทษประหารชีวิตมากที่สุด พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 54.45 ระบุว่าเป็นคดีฆ่าข่มขืน รองลงมาร้อยละ23.95 ระบุว่าเป็นผู้ที่กระทำผิดซ้ำในคดีที่ร้ายแรง เช่น ฆ่าคนตาย ข่มขืนและร้อยละ16.68 ระบุว่าเป็นคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี