ด้วยขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว หลายพื้นที่ข้าวส่วนใหญ่อยู่ในระยะกล้าถึงแตกกอ ประกอบกับในช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง นอกจากโรคไหม้ข้าวแล้ว การระบาดของโรคขอบใบแห้งข้าวก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวในแถบภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เชื้อสาเหตุสำคัญของโรคขอบใบแห้งข้าว คือ เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oryzae (ex Ishiyama) Swings et al. โดยการทำลายของโรคขอบใบแห้งข้าว สามารถพบได้ตั้งแต่ระยะกล้า แตกกอ จนถึงฺออกรวง โดยระยะกล้าจะมีจุดเล็กๆ ลักษณะช้ำที่ขอบใบของใบล่าง ต่อมาประมาณ 7 - 10 วัน จุดช้ำนี้จะขยายเป็นทางสีเหลืองยาวตามใบข้าว ใบที่เป็นโรคจะแห้งอย่างรวดเร็ว และสีเขียวจะจางลงเป็นสีเทาอาการในระยะปักดำจะแสดงหลังจากปักดำแล้วประมาณหนึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนครึ่ง ใบที่เป็นโรคขอบใบมีรอยขีดช้ำ ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่แผลมีหยดน้ำสีครีมคล้ายยางสนกลม ๆ ขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุด ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและหลุดร่วงและลอยไปตามน้ำ ซึ่งจะทำให้โรคสามารถระบาดไปยังพื้นที่อื่นได้ แผลจะขยายไปตามความยาวของใบ บางครั้งขยายเข้าไปข้างในตามความกว้างของใบ ขอบแผลมีลักษณะเป็นขอบลายหยัก แผลนี้เมื่อนานไปจะเปลี่ยนเป็นสีเทา ใบที่เป็นโรคขอบใบจะแห้งและม้วนตามความยาว ในกรณีที่ต้นข้าวมีความอ่อนแอต่อโรค และเชื้อโรคมีปริมาณมาก จะทำให้ท่อน้ำท่ออาหารอุดตัน ต้นข้าวจะเหี่ยวเฉาและแห้งตายทั้งต้นอย่างรวดเร็ว เรียกอาการของโรคนี้ว่า ครีเสก (kresek)
โรคขอบใบแห้งข้าวสามารถแพร่ระบาดไปกับน้ำในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และสภาพที่มีฝนตก ลมพัดแรง จะทำให้โรคสามารถแพร่ระบาดได้อย่างกว้างขวางรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งพบค่อนข้างมากในนาน้ำฝน นาในเขตชลประทาน ในแถบภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคขอบใบแห้งข้าวนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำให้เกษตรกรสำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ปลูกข้าวพันธุ์ต้านทาน เช่น กข5 กข7 กข14 กข17 กข21 กข23 กข25 กข29 (ชัยนาท 80) กข31 (ปทุมธานี 80) กข37 กข39 พิษณุโลก 60-1พิษณุโลก 60-2 สันป่าตอง1 สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 2 สุพรรณบุรี 3 และสุพรรณบุรี 90 หรือเมื่อพบการระบาดของโรคในแปลงไม่ควรระบายน้ำจากแปลงไปสู่แปลงอื่น ใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันการเกิดโรค เช่น Bacillus subtilis หากการระบาดรุนแรงให้พ่นทุก 7 วัน หรือคลุกเมล็ดก่อนการปลูก อัตราตามคำแนะนำในฉลากหรือหากมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี พ่นด้วยสารเคมี แบคบิเคียว , ไอโซโพรไทโอเลน , คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ , เสตร็พโตมัยซินซัลเฟต + ออกซีเตทตราไซคลินไฮโดรคลอร์ไรด์ และไตรเบซิคคอปเปอร์ซัลเฟต ควรพ่นตั้งแต่พบอาการเริ่มแรก อัตราตามฉลากแนะนำในฉลาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกษตรกรเริ่มพบใบข้าวมีลักษณะเป็นแผลช้ำที่ขอบใบของใบล่าง หรือแผลเป็นทางสีเหลืองยาวตามใบข้าว ให้รีบแจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดทันที
ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มพยากรณ์และเตือนการระบาดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืช และจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร หมายเลขโทรศัพท์ 0-2955-1514 , 0-2955-1626 หรือ https://www.doae.go.th/doae/upload/files/Bacterial_Leaf_Blight_Disease_300561.pdf
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี