29 มิ.ย.61 นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) กล่าวว่า คณะกรรมการโครงการฯ ได้หารือถึงความก้าวหน้าของโครงการฯ ในการบริหารจัดการโรงเรียนร่วมพัฒนา ซึ่งแฟสแรกมี จำนวน 50 โรง และมีบริษัทเอกชน จำนวน 11 บริษัท กับอีก 1 มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เข้าร่วมให้การสนับสนุนโครงการฯ
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ตนตั้งใจจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนร่วมพัฒนาให้ครอบคุมทุกภาค และทุกกลุ่มที่เอกชน 12 แห่ง ให้การสนับสนุน เพื่อไปให้กำลังใจ และดูว่ามีปัญหาติดขัดอะไรบ้าง เพื่อนำมาร่วมกันแก้ไข โดยในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ตนและคณะจะเริ่มคลิกออฟแห่งแรก ที่โรงเรียนวัดปลักไม้ลาย อ.เมือง จ.นครปฐม ภายหลังจากที่เปิดภาคเรียนไปแล้วระยะหนึ่ง จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนกรับใหญ่ว่องกุศลกิจพิทยาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ด้วย
รมช.ศธ.กล่าวว่า ปกติโรงเรียนในโครงการฯ จะเลี้ยงเฉพาะอาหารกลางวันแก่เด็ก และตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป จะเลี้ยงอาหารมือเช้าแก่นักเรียนด้วย รวมเป็น 2 มื้อ และทุกวันศุกร์จะเชิญผู้ปกครองมาร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเด็กๆ ด้วยเพื่อสร้างความใกล้ชิดและร่วมกันดูแลเด็กๆ และโรงเรียน
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ขอให้โรงเรียนร่วมพัฒนา ตั้งคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา หรือกรรมการโรงเรียน ให้ครบองค์ประกอบที่มาจาก 4 ส่วน คือ จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภาคเอกชน ท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง ซึ่งขณะนี้หลายโรงเรียนตั้งกรรมการเสร็จแล้ว แต่มีบางโรงเรียนกำลังหาผู้ที่มีความเข้าใจและสามารถมาช่วยผลักดันให้โรงเรียนเกิดการพัฒนาได้ตามแนวทาง ไม่ใช่กรรมการโรงเรียนแบบเดิมๆ ที่เชิญคนที่มีหน้ามีตาในตำบลมาเป็นกรรมการ นอกจากนี้ ที่ประชุมก็ได้ทำความเข้าใจถึงกรอบการทำงานว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งใช้กรอบที่ สพฐ.ทำไว้ และเพิ่มเติมกิจกรรมบางอย่างให้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ได้นัดประชุมผู้บริหารโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯทั้ง 50 แห่ง เพื่อทำความเข้าใจในการทำงานให้ตรงกัน ส่วนในวันที่ 12 ก.ค.จะประชุมผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการประเมินโรงเรียนร่วมพัฒนา เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการทำงานทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้ยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หรือเข้าใจตรงกันแต่ลึกไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงต้องนัดประชุมอีกครั้ง
"ที่เราดีไซน์โรงเรียนร่วมพัฒนาขึ้นมา ก็เพื่อจะเตรียมอนาคตของเด็ก ของคนในชาติจริงๆ อนาคตไม่ใช่มีแค่การศึกษา เด็กจะต้องได้ความรู้ ทักษะต่างๆ และเตรียมเรื่องการใช้ชีวิต กับการที่จะมีอาชีพติดตัวไป โดยไม่จำเป็นว่าต้องเรียนจบอาชีวะฯ หรือจบมหาวิทยาลัยจึงจะมีอาชีพได้ เพราะเราเตรียมให้เด็กมีวิธีหารายได้อย่างไร ดังนั้น หากเด็กเรียนได้แค่ชั้น ม.6 แล้วต้องออกจากโรงเรียนไป เขาก็ยังมีอาชีพ สร้างรายได้ด้วยตนเอง โดยเราจะสอนให้เด็กรู้จักการบริหารรายได้หรือเงินที่มีอย่างไร และสอนการรู้จักพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้โรงเรียนทั่วๆ ไปอาจจะไม่เคยได้สอน ดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นโรงเรียนที่เตรียมอนาคตจริงๆ"
รมช.ศธ.กล่าวว่า ตนอยากให้ภาตสภาคประชาสังคม ท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรมที่มีกำลังเงินมาก มีความรู้ ในการบริหารจัดการธุรกิจนประสบความสำเร็จแล้วเข้ามาร่วมทำให้การศึกษาของประเทศดีขึ้น และอยากให้กลุ่มมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้โรงเรียนร่วมพัฒนาเป็นโรงเรียนที่บริหารจัดการการเรียนรู้แบบใหม่ โดยที่เราให้อิสระในการให้โรงเรียนออกแบบหลักสูตรใหม่ได้ ออกรูปแบบกระบวนการเรียนการสอบใหม่ได้ และให้อิสระในการเลือกครูและผู้บริหารได้ด้วย แต่จะมีข้อกำกับไว้ว่า จะต้องมีผลสัมฤธิ์ตามที่โครงการฯกำหนดไว้ คือ ปรัชญาแนนคิดของโรงเรียนร่วมพัฒนา เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการศึกษา เราต้องการสิ่งที่ดีมีคุณภาพและประสบความสำเร็จนำมาเป็นตัวอย่าง เพราะตนคิดว่าทุกคนไม่เข้าใจ โรงเรียน 3 หมื่นกว่าโรงก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่เห็นรูปแบบที่ดีที่ควรจะไป ตนจึงเห็นว่า ทุกคน และทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เพื่อทำให้การศึกษาของชาติเปลี่ยปไปในทางที่ดีขึ้นได้ ก็จะสามารถตอบโจทย์ประเทศ ตอบโจทย์ชาติ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงศึกษาฯในการสร้างคนให้ประเทศไทยของเราเจริญ พัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับคนทั้งประเทศให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นประเทศไทยที่หลุดพ้นจากกับดักของผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งการจะแก้ปัญหานี้ได้ จะต้องทำให้การศึกษามีคุณภาพ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการตอบโจทย์ประเทศได้ จะต้องสร้างนวัตกรรมได้ด้วย นี่คือเป้าใหญ่ที่ต้องทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี