10 ก.ค.61 จากกรณีคนร้ายใช้รถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋งร่วมกัน ก่อเหตุใช้แก๊สเจาะตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ได้เงินสดไปจำนวน 2.4 ล้านบาท และเจาะตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ไม่สามารถเปิดห้องเก็บเงินได้ ที่บริเวณลานจอดรถร้านอาหารลุงนวย แล้วหลบหนีไป จากนั้นรถของคนร้ายได้ถอยเข้าไปพื้นที่รกร้างข้างทางติดกับถนนเลียบคันคลองชลประทาน ม.6 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแกละกล่องเงินและนำหลักฐานไปทิ้งในบ่อน้ำ จนท้องของรถยนต์ กระบะติดกับขอบถนน ไม่สามารถขึ้นมาได้คนร้ายจึงได้จุดไฟเผาเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนที่จะ หลบหนีไปพร้อมกับเงินสดกว่า 2 ล้านกว่าบาท เหตุเกิดเมื่องกลางดึกวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น โดยพบว่าจากพยานหลักฐาน เปรียบเทียบการก่อเหตุคนร้ายเจาะตู้เอทีเอ็ม ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงวันที่ 25 มิ.ย.จนถึงวันที่ 6 ก.ค.เป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้บูรณาการร่วมกันในหลายพื้นที่ จนสามารถสืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 5 ครั้งนี้ เป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีประวัติเป็นแก๊งลักรถจักรยานยนต์มาก่อน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.61 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 4 คนดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันสืบสวนติดตามจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยสามารถจับกุมตัว นายบุญญฤทธิ์ หรือเจ แก้วมณี ได้ในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร , นายธวัชชัย หรือปาร์ม พลายแก้ว จับกุมตัวได้ในเขตพื้นที่ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม , นายพณภัทร หรือบอส สุโชคนันท์ จับกุมตัวได้ในเขตพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายสมประสงค์ หรือแบล็ค พงก่อสร้าง ผู้ต้องหาคนสุดท้าย สามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเขตพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก่อนนำตัวมาสอบสวน
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และชุดสืบสวนพระนครศรีอยุธยา นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายบุญญฤทธิ์ หรือเจ แก้วมณี อายุ 27 ปี , นายพณภัทร หรือบอส สุโชคนันท์ อายุ 26 ปี , นายสมประสงค์ หรือแบล็ค พงก่อสร้าง อายุ 21 ปี และนายธวัชชัย หรือปาร์ม พลายแก้ว อายุ 22 ปี มาทำแผนที่ร้านอาหารลุงนวย ริมถนนพหลโยธิน ม.2 ต.ลำไทร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม"
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ และพยายามลักทรัพย์ ต่อเนื่องหลายพื้นที่ ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.61 เวลาประมาณ 01.40 น.พยายามก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดภายในตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทยซึ่งตั้งอยู่ภายในร้านขายยาปอป้อ เลขที่ 65/3 ม.4 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคนร้ายได้นำเทปกาวทึบปิดกล้องวงจรปิดของตู้เอทีเอ็ม แล้วได้ตัดแม่กุญแจที่ใช้ล็อคประตูเหล็กม้วนใน ชั้นแรก งัดประตูบานเลื่อนในชั้นที่สอง และใช้ความร้อนพยายามตัดประตูนิรภัยของตู้เอทีเอ็มเพื่อหวังจะเอาเงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม แต่ครั้งนี้คนร้ายลงมือไม่สำเร็จ
2.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.61 เวลาประมาณ 03.56 น.พยายามก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองแค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านเอกภาพ หมู่ 8 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยนำเทปกาวทึบมาปิดกล้องวงจรปิดของตู้เอทีเอ็ม แล้วใช้ความร้อนพยายามตัดประตูนิรภัยของตู้เอทีเอ็มเพื่อหวังจะเอาเงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ครั้งนี้พบร่องรอยไหม้ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังตู้เอทีเอ็มดังกล่าว แต่ไม่สามารถนำเงินสดออกมาได้
3.เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.61 เวลาประมาณ 00.20 - 01.11 น.ก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดภายในตู้เอทีเอ็มธนาคารทหารไทย ซึ่งติดตั้งอยู่ บริเวณด้านหน้าร้านมินิมาร์ท ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก เลขที่ 29 หมู่ 10 ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยใช้ความร้อนเป่าตัดบริเวณด้านหลังตู้เอทีเอ็ม การลงมือครั้งนี้คนร้ายได้เงินสดภายในตู้เอทีเอ็มไปจำนวน 174,500 บาท
4.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.61 เวลา 03.40 น.พยายามก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์ เลขที่ 55/17 หมู่ 1 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ครั้งนี้คนร้ายปรับเปลี่ยนวิธีการโดยใช้เชือกคล้องตู้เอทีเอ็มแล้วผูกติดกับรถยนต์กะบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพหมายเลขทะเบียน บษ 2266 นครปฐม ไว้ได้ จากนั้นจึงขับรถดึงกระชากตู้เอทีเอ็มจนล้ม แต่ครั้งนี้คนร้ายลงมือไม่สำเร็จ เนื่องจากมีคนผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์เสียก่อน
5.เมื่อวันที่ 6 ก.ค.61 สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บษ 2266 นครปฐม ที่บริเวณถนนคันคลองชลประทาน หมู่ที่ 6 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 3 ก.ค.61 ในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ในครั้งนี้หลังจากคนร้ายก่อเหตุลักเงินสดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าร้านอาหารลุงนวย ม.2 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้วิธีใช้ความร้อนเป่าตัดบริเวณด้านหลังของตู้เอทีเอ็มทั้งสองตู้ ปรากฏว่าไม่สามารถงัดเอาเงินสดในตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ออกไปได้
แต่สามารถงัดเอากล่องใส่เงินตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3 กล่อง แล้วขับรถหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุห่างประมาณ 5 กม.แล้วงัดเอาเงินสดจากกล้องใส่เงิน ได้เงินสดไป 2,000,000 บาท แต่จุดนี้รถยนต์ของคนร้ายติดหล่มและเกิดไฟลุกไหม้รถขณะพยายามนำรถขึ้นจากหล่ม คนร้ายจึงได้ทิ้งรถแล้วหลบหนีไป
ก่อนผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปแถลงข่าวที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ในเวลาช่วงบ่ายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี