มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุระบุว่า ข้อมูลประชากรประเทศไทยปี 2556 ประชากรไทยมีจำนวน 64.6 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุมากถึง 9.6 ล้านคน คาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 17.6 ล้านคน หรือร้อยละ 26.3 และปี 2583 จะมีจำนวนถึง 20.5 ล้านคน หรือร้อยละ 32.1 ด้วยสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่งผลกระทบทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพจากการป่วยไข้ในวัยที่ชรา และในสังคมชนบท โดยเฉพาะในภาคอีสานจะเห็นผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ถูกคุกคามจากมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวง
การคุกคามจากมิจฉาชีพ ภัยใกล้ตัวของผู้สูงวัยในชนบท
นายไพจิตร วงศ์หนองแล้ง อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การที่ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง ทำให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาหลอกลวง ในหมู่บ้านมีผู้เสียหายทุกปี หากมีการเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง จะเห็นว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น มีมูลค่าตั้งแต่หลักพัน ถึงหลักหมื่นบาทต่อราย และมากกว่าเงินทองที่หายไป คือผลกระทบต่อจิตใจผู้สูงวัยที่อยู่อย่างหวาดกลัว
ลักทรัพย์ หลอกขายสินค้า จับสลากลุ้นรางวัลใหญ่ ล่อใจผู้สูงวัย
คุณยายคำเพียง หล้าคำ วัย 72 ปี ถูกขโมยเงินสดและนาฬิกาในกระเป๋า มูลค่ารวมเกือบ 20,000 บาท ใน ปี 2559 คนร้ายฉวยโอกาสตอนที่ตากับยายอยู่บ้านเพียงลำพัง แม้จะผ่านมานานหลายปี เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงสร้างผลกระทบต่อจิตใจสองตายายอย่างมาก
ส่วนคุณยายดวงใจ คำสีทา เล่าว่า “เขามาโฆษณาขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ซักผ้าว่ามีกลิ่นหอม ซักผ้าสะอาด ขายส่งตามร้านซองละ 5 บาท ขายให้ตอนนี้ซองละ 1 บาท มีสิทธิจับสลากรางวัลที่ติดอยู่กับซองด้วย พร้อมกับนำแคตตาล็อกของรางวัลมาให้ดู มีรถไถ เครื่องซักผ้า เตาแก๊ส และจักรยาน ของทุกอย่างราคา 1,900 บาท ถ้าซื้อซองที่มีหมายเลขตรงกับรางวัลต้องซื้อของสิ่งนั้นไป ยายอยากได้รถไถจึงลองเสี่ยงดู ซื้อซองแรกไม่มีของรางวัล ซองที่สองและสามมีรางวัลติดกัน เป็นหม้อหุงข้าวกับเตาแก๊ส เสียเงินไป 4,000 บาท จึงพอแค่นั้นกลัวเสียเงินมากกว่านี้”
สภาชุมชน รวมพลังลูกหลาน สร้างจิตอาสาเฝ้าระวังมิจฉาชีพ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณตา คุณยาย ทำให้คนในชุมชนหวั่นกลัวผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพ่อแม่ตนเอง จึงได้รวมพลังตั้งกลุ่มจิตอาสาเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุโดยใช้ชื่อว่า “สภาชุมชน” เป็นความร่วมมือระหว่าง วัด โรงเรียน รพ.สต. และลูกหลานในชุมชน มีสำนึกสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สสส. ให้การสนับสนุนงบประมาณตลอดระยะเวลา 1 ปี
หลังจากการตั้งกลุ่มจิตอาสาสภาชุมชน ก็มีการให้ความรู้เรื่องวิธีดูแลผู้สูงอายุแล้ว แบ่งบทบาทหน้าที่โดยมอบให้สมาชิก 1 คน ดูแลผู้สูงอายุ 3-4 ครัวเรือน มีการเยี่ยมเยือนที่บ้านสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุข พร้อมจดบันทึกปัญหาที่พบในแต่ละวันเข้าที่ประชุมประจำเดือน ส่วนการเฝ้าระวังมิจฉาชีพ คนในชุมชนจะไม่ไปทำงานนอกบ้านพร้อมกันทั้งหมด เมื่อคนแปลกหน้ามาในหมู่บ้าน ผู้สูงวัยสามารถโทร.ติดต่อให้จิตอาสาสภาชุมชนไปช่วยสอดส่องได้
คุณตาสมชาย หอมสมบัติ หนึ่งในผู้สูงวัยที่ได้รับการดูแลจากจิตอาสา เล่าด้วยใบหน้าที่แจ่มใส ถึงความสุขที่ได้รับการดูแลจากลูกหลานในชุมชน ว่ารู้สึกดีใจที่ลูกหลานมา บางครั้งมีผลไม้มาฝาก นม ขนมมาฝาก ตอนที่มาเยี่ยมเยือนถามไถ่ ไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนปีที่ผ่านมา
การดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่หลายหน่วยงานให้ความสำคัญและดำเนินงานในหลายรูปแบบ เช่น บ้านพักคนชราของภาครัฐ งานอาสาสมัครของภาคประชาชน งานบริการดูแลผู้สูงวัยของภาคเอกชน และที่บ้านโนนรังแห่งนี้ ได้ออกแบบการทำงานที่สอดคล้องกับบริบทและตอบโจทย์ปัญหาของชุมชน โดยเริ่มต้นจากคนในชุมชนเห็นปัญหา มีความห่วงใยต่อผู้สูงวัย รวมพลังของลูกหลานและหน่วยงานในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ถือเป็นรูปแบบการทำงานที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหามิจฉาชีพแล้ว ยังช่วยฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างวัยของคนในชุมชนให้กลับมาดูแลกันอย่างอบอุ่นเหมือนในอดีต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี