25 ก.ค.61 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะอนุกมธ.ด้านการท่องเที่ยว จัดเสวนาเรื่อง "ท่องเที่ยว ไทยเท่ เก๋ไก๋ สดใส ทุกที่" โดย พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธาน กมธ.กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า จากสถิติรวบรวมโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35,381,210 คน เดินทางยังประเทศไทย ก่อให้เกิดรายได้จาการท่องเที่ยว 1,824,024 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนมามากเป็น อันดับ1 จำนวน 9,805,753 คน ใช้จ่ายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะที่ จ.ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยว 3 ล้านคนต่อปี ใช้จ่ายประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เป็นชาติที่สร้างรายได้สูงสุดให้กับประเทศไทย และจากเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือท่องเที่ยว "ฟีนิกซ์พีซีไดวิ่ง" ที่บรรทุกผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนล่มกลางทะเล บริเวณเกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา อาจสร้างผลกระทบต่อความรู้สึกและความเข้าใจของนักท่องเที่ยวจีนต่อประเทศไทย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนบางส่วนยกเลิกการจองมาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ดังนั้น เราต้องมีมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับมาโดยเร็ว
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและการกีฬา กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในปีนี้ ไตรมาสหนึ่ง มีแนวโน้มก็จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการปรับปรุงพัฒนาเท่าไหร่ และการเข้ามาเกินกว่าครึ่งของนักท่องเที่ยว กระจุกอยู่ใน 20 เมืองหลักๆของไทย อาทิ กรุงเทพ ภูเก็ต ดังนั้นต้องกระจายไปยังท่องเที่ยวเมืองรองและต้องลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ ขณะเดียวกันเมื่อจำนวนท่องเที่ยวสูง เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ
"บรรยากาศด้านการท่องเที่ยวที่ตื่นตัวแบบนี้เราไม่ได้มาง่ายๆ ดังนั้น ต้องมาดูคุณภาพ มีความรับผิดชอบ ไม่ว่าใครจะเข้าประเทศต้องซื้อประกันเพื่อคุ้มครองภัย นักท่องเที่ยวลดความเสี่ยงให้ตัวเองก็ต้องมีการซื้อประกันเพิ่ม เพื่อให้เป็นมาตรฐานทางระบบป้องกันภัย ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องเร่งทำคือมาตรฐานในเรื่องต่างๆ ที่ต้องทำอย่างมืออาชีพ เช่น เรือนักท่องเที่ยว มาตรฐานการท่องเที่ยวถ้ำ เรือภัตตาคาร การล่องแพ เป็นต้น" นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวกำลังเข้าสู่เฟซต่อไป และต้องเคลียร์เรื่องเก่าให้เสร็จ เช่น จ.ภูเก็ต ซึ่งได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่อยากเน้น ในเรื่องการมีส่วนร่วมภาคเอกชนต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ประกอบการไทยต้องมี ธรรมาภิบาล 4 ด้าน คือ 1.ปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด 2.ไม่หลอกลวง มีจิตบริการต่อนักท่องเที่ยว 3.เข้าระบบการทำธุรกิจให้ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ประกอบการสีเทาที่ไม่ยอมเสียภาษี ก็ต้องเข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง 4.ขอให้ทำธุรกิจด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ขณะเดียวอยากฝากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงองค์กรภาคเอกชนต่างๆ ควรร่วมกันออกกฎในการปฏิบัติในการกำกับดูแลกันเอง หากไม่ทำตาม ก็ให้ขับไล่ เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยว
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยว 6 เดือนแรก มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นดีมากโดยเฉพาะตลาดจีน แต่เมื่อเกิดเหตุสิ่งเป็นประเด็นปัญหาได้มีการแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว แต่อาจยังตอบโจทย์ และจากมีโอกาสพบผู้ประกอบการในจีน โดยได้รับรายงานว่ามีการยกเลิกการจอง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือขอเปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งไม่ใช่ทะเล โดยททท. พยายามเร่งสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และมาตรการความปลอดภัยต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงนักท่องเที่ยวจากชาติต่างๆ ด้วย
"เราติดตามสถานการณ์เดือน ส.ค.จะส่งผลกระทบหรือไม่อย่างไร แต่การไม่เชื่อมั่นมีหลายสาเหตุ สุดท้ายเป็นความรู้สึก และโซเชียลมีการนำเสนอบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกนักท่องเที่ยวจีน เราพยายามสร้างความเชื่อมั่น และเรายังให้ความสนใจทุกเรื่องเสมอ" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี