ภัยพิบัติ คือ ภัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมทั้งระยะสั้นและระยะยาว ภัยพิบัติมี 2 ประเภท คือ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ ดินถล่มหิมะถล่ม ภูเขาไฟระเบิด อีกประเภทหนึ่ง คือ ภัยพิบัติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ เช่น ระเบิดนิวเคลียร์ สงคราม เป็นต้น
ที่ใกล้ประเทศเราที่สุดคือ สปป.ลาว เกิดภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ คือ เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในแขวงอัตตะปือ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ที่บางส่วนกำลังก่อสร้างเกิดพังลง อันเนื่องมาจากฝนตกต่อเนื่อง ปริมาณน้ำในเขื่อนมีมากเกินที่เขื่อนรับได้ แรงดันน้ำจึงทำให้เขื่อนแตกร้าวและพังลงในที่สุด ส่งผลให้ปริมาณน้ำกว่า 5 พันล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หลายหมู่บ้านที่อยู่รอบเขื่อน รายงานข่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 26 ราย สูญหายหลายร้อยราย ประชาชนกว่า 3,000 คน รอคอยความช่วยเหลือ
เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ที่ยังสร้างไม่เสร็จดี ยังเหลืออีกประมาณ 10% คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 บริษัทที่ก่อสร้างเขื่อนนี้เป็นการร่วมทุนของบริษัทต่างชาติ คือ จากเกาหลี 2 บริษัท รวมถือหุ้น 51% บริษัทของไทย ถือหุ้น 25% และรัฐวิสาหกิจของ สปป.ลาว ถือหุ้น 24% มูลค่าการก่อสร้าง 3.24 หมื่นล้านบาท เขื่อนนี้จะจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทยจำนวน 354 เมกะวัตต์
เรื่องของเขื่อนแตกร้าว หรือเขื่อนพัง อย่างที่เกิดขึ้นใน สปป.ลาวนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเขื่อนในประเทศไทยดูบ้าง เพราะเมื่อปี 2554 ครั้งน้ำท่วมใหญ่คราวนั้น มีข่าวลือหลายกระแส กระแสหนึ่งก็คือ “เขื่อนแตก” เหมือนกัน แต่ไปๆ มาๆ แล้วไม่ใช่เขื่อนแตก แต่เป็นเพราะความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำ โดยมีคนยืนยันว่า “เอาอยู่ๆ” แต่สุดท้ายก็ “เอาไม่อยู่” จนปล่อยน้ำท่วมมาตั้งแต่นครสวรรค์ ทุ่งนาลุ่มเจ้าพระยา บ้านเรือนประชาชน นิคมอุตสาหกรรม จนถึงสนามบินดอนเมือง....ภาพเครื่องบินถูกน้ำท่วมยังติดตาอยู่จนทุกวันนี้
มีข้อมูลจากกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนต่างๆ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ดูตัวเลขแบบประชาชนคนธรรมดาที่ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับเขื่อนสักเท่าไร ก็ดูจะไม่น่าห่วงเรื่องเขื่อนแตกร้าว หรือการระบายน้ำออกจากเขื่อนเนื่องจากปริมาณน้ำมีเกินความจุของเขื่อนสักเท่าไร เพราะทุกเขื่อนสำคัญในภาคต่างๆ จำนวนกว่า 30 เขื่อน ยังมีปริมาตรน้ำในเขื่อนน้อยกว่าความจุของเขื่อนมาก
ปริมาณน้ำที่ระบายออกในแต่ละเขื่อนส่วนใหญ่จะน้อยกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ยกเว้นเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิรินธร ระบายออก 9-10 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายออกประมาณ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนวชิราลงกรณ ระบายออกประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนดังกล่าวเหล่านี้ เป็นเขื่อนเก็บกักน้ำเพื่อการชลประทาน เป็นน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภค บริโภค เป็นส่วนใหญ่
เคยมีคนเป็นห่วงกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว จะทำให้เขื่อนแตกร้าวหรือไม่ แต่ทั้งกรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต่างยืนยันว่า เขื่อนในพื้นที่ที่อยู่ในรัศมีการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ผ่านๆ มานั้น ยังคงแข็งแรง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน....
อย่างไรก็ตาม จากกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ของสปป.ลาวนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ไทยเราอย่าประมาท โปรดตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญคือ ระบบเตือนภัยต้องมี และเตรียมแนวทางการอพยพประชาชนไว้ด้วยเถิดหนา...ออเจ้า....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี