เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(29 ก.ค.61) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) ภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ร.ท.สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 , นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต และนายนิคม สุขสวัสดิ์ หัวหน้าชุดไกรทอง ลุ่มน้ำตาปีจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี แถลงข่าวผลการจับจระเข้ ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5(ภูเก็ต)
นายนรภัทร เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีผู้พบเห็นจระเข้ในทะเลภูเก็ตบริเวณหาดยะนุ้ย ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการจัดตั้งชุดปฏิบัติการค้นหาจระเข้ พร้อมติดป้ายแจ้งเตือนประชาชนและจัดเจ้าหน้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ตลอดเวลา 12 วันที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการค้นหาจระเข้ ได้ดำเนินการค้นหาจระเข้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ทีมปฏิบัติการค้นหาจระเข้ เดินเท้ามาตลอดทั้งคืน บริเวณปลายแหลมเกาะทะ หาดลายัน จนกระทั่งในเวลาประมาณ 04.00 น.(29 ก.ค.61) ได้เห็นดวงตาของจระเข้ ทีมปฏิบัติการจึงวางแผนจับโดยใช้วิธีการอวนล้อม 2 ชั้น ใช้อวนตาเขียวตีวงรอบนอก 1 ชั้น และชั้นในใช้อวนขาวปลากระเบน ล้อมวงใน วิ่งซิกแซกในร่องน้ำ เพื่อจำกัดพื้นที่ให้จระเข้อยู่ในวงจำกัด หลังจากจระเข้ติดในอวนเรียบร้อยแล้ว ทีมไกรทองได้เข้าจับจระเข้ด้วยมือเปล่าใช้เวลาประมาณ 15 นาที และนำขึ้นฝั่งมัดและเคลื่อนย้ายมาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5(ภูเก็ต)
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดขนาดจระเข้มีความยาว 2.50 เมตร น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม เป็นเพศเมีย ไม่มีไมโครชิพติดที่ลำตัว จึงสันนิษฐานว่าเป็นจระเข้ที่มีคนลักลอบเลี้ยงและไม่ได้จดแจ้งกับทางสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต สภาพทางกายภาพเบื้องต้นเป็นจระเข้น้ำเค็ม
ผวจ.ภูเก็ต กล่าวอีกว่า จระเข้ตัวนี้น่าที่จะมาจากการเลี้ยง โดยมีข้อมูลที่ชัดเจนคือมีตะไคร่น้ำบนหลังของจระเข้ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าน่าจะอยู่ในที่ที่มีน้ำขังเป็นเวลานาน ประกอบกับหากเป็นจระเข้ตามธรรมชาติจะจับยากมาก ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้ใช้โดรนมาเป็นตัวในการตรวจสอบพิกัด ทั้งนี้อุปสรรคที่สำคัญอย่างยิ่งในการจับจระเข้ คือ คลื่นลมแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการปักธงแดงห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด ในการดำเนินงานเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความอดทนความพยายามในการเกาะติด เพื่อติดตามโดยตลอดซึ่งใช้เวลาถึง 12 วันและขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,สำนักงานประมงจังหวัดทีมประมงพื้นบ้าน จนทำให้การปฏิบัติภารกิจสำเร็จ
สำหรับมาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ในครั้งนี้ จังหวัดได้มีการออกประกาศให้ผู้ที่ครอบครองจระเข้ไว้โดยไม่ได้ขอรับอนุญาตโดยจังหวัดภูเก็ตมีผู้ขออนุญาตเลี้ยงจระเข้ที่ถูกต้องเพียง 5 รายเท่านั้น โดยจังหวัดได้มีประกาศว่าผู้ใดที่มีที่ยังไม่ได้มีการแจ้งครอบครองที่ถูกต้องให้แจ้งภายในวันที่ 10 ส.ค.61 สำหรับมาตรการที่ 2 ให้มีการแจ้งข่าวสาร หากพบเห็นผู้ใดมีการซื้ออาหารประเภทปลาสดหรือไก่เป็นจำนวนมากๆเป็นประจำ โดยที่ไม่มีเหตุผล เช่น การนำไปประกอบอาหารให้มีการแจ้งเบาะแสเพื่อที่จะได้มีการเฝ้าระวัง โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้มีการปูพรมสังเกตการณ์ว่าใครมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยจะมีรางวัลให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส และนำไปสู่การพบเห็นจระเข้ ถือเป็นมาตรการที่ทางจังหวัดกำหนดเพื่อการป้องกันไว้
ส่วนการแก้ไข จะมีการพัฒนารูปแบบอุปกรณ์การล้อมจับให้ง่ายที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาอุปกรณ์ในการล้อมจับไม่สามารถเข้าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางจังหวัดจะดำเนินการป้องกันและแก้ไขในอนาคต พร้อมกันนี้จังหวัด ได้มีการประสานงานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยเฝ้าสังเกต บ้านไหนที่มีการล้อมรั้วมิดชิด หรือมีการซื้อไก่เป็นประจำเป็นปริมาณมากๆ ให้แจ้งมายังทางจังหวัด ทั้งนี้ทางจังหวัดจะดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการให้รางวัลผู้พบเห็นด้วย ให้ผู้ที่ยังไม่ได้จดแจ้งมาแจ้งที่สำนักงานประมงจังหวัดภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2561 นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทางจังหวัดภูเก็ตให้ความสำคัญและจะต้องตั้งข้อสังเกตให้เยอะๆ
นอกจากนี้ ทางจังหวัดได้ประสานกับองค์ การปกครองส่วนท้องถิ่นติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ และหลังจากนี้การดำเนินการหลังจากนี้ทางจังหวัดจะมีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าจระเข้เป็นสายพันธุ์อะไร ส่วนการจะนำจระเข้ไปไว้ที่ไหนนั้น จะเป็นอำนาจของอธิบดีกรมประมง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางจังหวัดภูเก็ตจะนำไปถอดบทเรียนและจะหาวิธีการมาตรการป้องกันและเข้มงวดอย่างดีที่สุด
ส่วนนายโกวิทย์ กล่าวว่า ผู้ที่จะเลี้ยงจระเข้จะต้องขออนุมัติอนุญาตจากกรมประมงซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงบ่อเลี้ยงที่ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดเพื่อป้องกันการหลบหนีและหลุดลอด ออกจากฟาร์มเลี้ยง เพราะฉะนั้นการที่จะต้องมีที่กักขังที่แข็งแรงป้องกันการหนีของจระเข้ ซึ่งจะต้อง มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องซึ่งขณะนี้ในจังหวัดภูเก็ตมีผู้จดทะเบียนที่ถูกต้องจำนวน 5 ราย ซึ่งสวนสัตว์เป็น 1 ใน 5 ราย และสถานแสดงพันธุ์จระเข้ก็เป็นหนึ่งใน 5 รายเช่นเดียวกัน ซึ่งในอนาคตจะต้องช่วยกันสอดส่องและให้ผู้ที่เลี้ยงมาขออนุญาต มาแจ้งก่อนวันที่ 10 ส.ค.61 ซึ่งกรณีนี้จระเข้ที่จับได้จะต้องตรวจดีเอ็นเออีกครั้งว่าเป็นจระเข้พันธุ์อะไร
ทั้งนี้ฟาร์ม ที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง จะต้องมีการติดไมโครชิพที่จระเข้ ซึ่งจระเข้ในตัวดังกล่าวจากการตรวจสอบแล้วไม่มีการฝังไมโครชิพ สำหรับผู้เลี้ยงจระเข้ที่ไม่ได้จดแจ้งกับทางราชดารจะต้องมีความผิดปรับไม่เกิน 10, 000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้ร่วมปฏิบัติการกับชุดไกรทองตลอดเวลาเพื่อเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันหากเกิดเหตุการณ์ในขั้นต้นทางทัพเรือภาคที่ 3 จะได้ดำเนินการป้องกันได้ ทั้งนี้จากการเฝ้าสังเกตนักท่องเที่ยวปรากฏว่านักท่องเที่ยวไม่มีความกังวลจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเล่นน้ำตามปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี