พระราชทานกำลังใจชาวน่าน
ร.10ทรงห่วงใย
วิกฤติเหตุการณ์แผ่นดินถล่ม
รับสั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งช่วย
รมว.มหาดไทยลงตรวจพื้นที่
ปิดหมู่บ้านหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย
ปภ.เตือน59จว.เสี่ยงอันตราย
ในหลวง ร.10 พระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มจ.น่าน ทรงมีรับสั่งเร่งแก้ปัญหาช่วยประชาชนโดยเร็วที่สุด ขณะที่ มท.1 ลงพื้นที่บัญชาการกู้วิกฤติพร้อมนำเสนอครม.พิจารณา ด้านบรรยากาศงานศพ 8 ผู้เคราะห์ร้ายเศร้าสลดจัดฌาปนกิจท่ามกลางสายฝน ปภ.แจ้งเตือน 59 จังหวัดทั่วประเทศ เตรียมรับมือฝนตกน้ำท่วม ดินถล่มและคลื่นลมแรง
เมื่อเช้าวันที่ 30 กรกฎาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและคณะ ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยดินโคลนถล่มบ้านห้วยขาบ หมู่ที่ 7 ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้มอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือกับญาติผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวให้กำลังใจและขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางภาครัฐจะดูแลช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ลงตรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุ ร่วมหาแนวทางในการดำเนินการแก้ไขเกี่ยวกับแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป พร้อมรับปากว่าจะนำเรื่องทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง นายธนวัฒน์ จรรมรัตน์ ผญบ.บ้านห้วยขาบ ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ กรณีขอย้ายออกนอกพื้นที่เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมทั้งให้ปรับพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัย
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสให้ทุกหน่วยงาน ทุกคน ทุกฝ่าย ช่วยแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้หมดไปให้เร็วที่สุด และพระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ประสบภัยทุกคน และรัฐบาลจะช่วยเหลือในการซ่อมแซมที่อยู่ที่อาศัยและชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้ประสบภัยทุกราย
“ในวันนี้ผม พร้อมคณะมาเป็นกำลังใจให้ทุกคน และขอฝากเจ้าหน้าที่ทั้งท้องถิ่นและท้องที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วย” รมว.มหาดไทย กล่าว
ปิดหมู่บ้านหลังพบรอยแยกบนเขา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า จากเหตุดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2561 ล่าสุดในวันที่ 30 ก.ค. ทางการได้สั่งปิดหมู่บ้านห้วยขาบ หมู่ที่ 7 ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน แล้ว หลังพบมีรอยแยกบนยอดเขาในหมู่บ้านและมีการทรุดตัวลงเรื่อยๆ ซึ่งหากมีฝนตกซ้ำอาจเกิดดินถล่มลงมาได้อีก โดยจะมีการเพิ่มศูนย์พักพิงชั่วคราวอีก 3 แห่ง คือ ที่วัดบ้านสว้า อบต.ดงพญา และโบสถ์คริสตจักร เพื่อรองรับและผู้ประสบภัย ทั้งนี้คาดว่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์หรืออาจนานจนหมดฤดูฝน จึงจะสามารถกลับเข้าไปในพื้นที่ได้
สวดศพ8เหยื่อดินถล่มสุดเศร้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 29 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ณ วัดบ้านสว้า ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน นายปรีชา สมชัย นายอำเภอบ่อเกลือ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยงาน ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดสวดอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย จากเหตุดินโคลนถล่มเมื่อ 28 ก.ค. ส่วนพิธีฌาปนกิจร่างทั้ง 8 รายนั้นจัดขึ้นในวันที่ 30 ก.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ณ สุสานบ้านสว้า หมู่ 7 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ท่ามกลางสายฝน บรรยากาศนั้นเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะครอบครัวอักขระที่สูญเสียสมาชิกนามสกุลเดียวกันจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 7 คน
ระนองเตือน3อำเภอเสี่ยงดินถล่ม
นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผวจ.ระนอง เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศด่วนเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.เมือง , อ.กระบุรี และ อ.กะเปอร์ ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ดินมีความอุ้มน้ำสูง เสี่ยงที่จะเกิดดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากได้ ขอให้เตรียมพร้อมอพยพและเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย หลังพบว่าระดับน้ำในลำคลองสายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นจนเกือบเอ่อล้นตลิ่ง พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับ
สถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
แผ่นดินทรุดที่แม่ฮ่องสอน
นายไตรรัตน์ วนาศิริสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้รับแจ้งจากราษฎร บ้านแม่สามแลบว่า มีถนนแตกร้าวตรงบ้านห้วยกองก๊าด ม.1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ซึ่งเป็นถนนสายหลักจากบ้านห้วยกอง-บ้านแม่สามแลบ เบื้องต้นขณะนี้ชาวบ้าน ที่มีบ้านอยู่บริเวณดังกล่าว จำนวน 3 หลังคาเรือน เร่งขนสิ่งของออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย กลัวดินทรุดตัวลง เนื่องจากด้านหลังเป็นลำน้ำแม่สามแลบ อาจเกิดดินทรุดตัวและถล่มลงมาได้
ขณะนี้ อบต.ผู้นำหมู่บ้าน ทหารและ จนท.ในพื้นที่กำลังเตรียมอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย และอยากขอความอนุเคราะห์จากทรัพยากรธรณีจังหวัดแม่ฮ่องสอน และแขวงการทางที่รับผิดถนนดังกล่าว เข้ามาช่วยตรวจสอบประเมินความปลอดภัยและแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วย
สาเหตุของถนนแตกร้าวและทรุดตัวลง รวมไปถึงบ้านเรือนราษฎร มาจากผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น เซินติญ และ มรสุมจากอ่าวเบงกอลในพม่า ที่มาปะทะกันบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย – เมียนมา ทั้งนี้บ้านแม่สามแลบ เป็นหมู่บ้านชายแดนที่ติดกับสหภาพเมียนมา ตรงข้ามรัฐกะเหรี่ยง ( กอทูเล ) และในปีไหนที่ในพม่ามีผลกระทบ หมุ่บ้านแม่สามแลบ จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ล่าสุดปริมาณน้ำในแม่น้ำสาละวิน ได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม และเริ่มเอ่อเข้าท่วมลานะเอนกประสงค์บ้านแม่สามแลบแล้วด้วย
ขนย้ายสัตว์เลี้ยงโกลาหล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจังหวัดนครพนมประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม โดย นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจฯ มีหนังสือด่วนที่สุดถึงนายอำเภอทุกแห่ง เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงให้อำเภอที่มีพื้นที่ติดลำน้ำ ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำงานประสานกัน
โดยเฉพาะระดับน้ำโขงเริ่มวิกฤตหลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องมากว่า 15 วัน ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 11.53 เมตร ห่างจากจุดวิกฤต 1.47 เมตร ส่งผลให้แม่น้ำโขงสูงขึ้น จนบางจุดล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและถนน ขณะเดียวกันผลกระทบจากน้ำโขงเพิ่มระดับรวดเร็วจนล้นตลิ่ง ทำให้ลำน้ำสาขาสายหลักต่างๆ อาทิ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน ลำน้ายาม ที่รับน้ำจากพื้นที่หลายอำเภอเริ่มไหลระบายช้า จึงเกิดปัญหาเอ่อล้นท่วมขังพื้นที่การเกษตรแล้วประมาณ 128,098 ไร่ หากระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นถึงจุดวิกฤตที่ 13 เมตร จะส่งผลกระทบหนัก
เบื้องต้นจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติให้การช่วยเหลือเร่งด่วนแล้ว จำนวน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าอุเทน อ.โพนสวรรค์ อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร อ.ปลาปาก อ.เมืองนครพนม อ.บ้านแพง และ อ.นาแก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย ที่แท้จริงพร้อมประกาศเตือนให้พื้นที่เสี่ยงติดกับแม่น้ำสายหลัก เฝ้าระวังการเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำเพิ่มเติมว่า บ้านปากบัง หมู่ที่ 2 ต.พิมาน อ.นาแก บริเวณจุดบรรจบของลำน้ำบังกับลำน้ำก่ำ น้ำได้ทะลักล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎร ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัย ซึ่ง ผวจ.ฯ กำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมลุ่มน้ำก่ำทั้งหมด อพยพสิ่งของ สัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง ประกอบกับการระบายน้ำลงแม่น้ำโขงช้ากว่าปีก่อน ความเสียหายอาจจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำสงครามที่สะพานบ้านหาดแพง ต.หาดแพง อ.ศรีสงครามวัดได้ 12.72 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.78 เมตร ได้เอ่อล้นฝั่งท่วมถนนแล้ว ถ้าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1.50 เมตร ก็จะท่วมบ้านราษฎรที่อาศัยอยู่ริมน้ำทันที
ปภ.เตือน59จว.เตรียมพร้อม
ขณะที่ นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่าและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายจังหวัดทำให้เสี่ยงที่จะเกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม จึงได้ประสานไปยัง 59 จังหวัดที่มีความเสี่ยง แบ่งเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด และภาคใต้ 14 จังหวัด ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วนนิรภัย โทร.1784 ตลอด 24 ชม.
เฝ้าระวังระดับน้ำ-ที่ลาดเชิงเขา
พื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นคราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี , ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด เฝ้าระวังปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำและที่ลาดเชิงเขา
ภาคใต้งดเดินเรือเล็กเหตุคลื่นแรง
ส่วนภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล พื้นที่ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งอย่างเด็ดขาด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยในระยะนี้ ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด
รมว.เกษตรเชื่อไม่ซ้ำรอยปี’54
ด้าน นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีความกังวลของประชาชนจากข่าวฝนตกน้ำท่วมในหลายพื้นที่นั้นจะนำไปสู่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2554 หรือไม่ เพราะเขื่อนใหญ่แต่ละแห่งมีปริมาณน้ำสะสมมากตั้งแต่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นฤดูฝน โดยระบุว่า จากข้อมูลเปรียบเทียบไม่น่าท่วมหนักเหมือนปี 2554 ดังนั้นสถานการณ์น้ำปีนี้ไม่น่าท่วมมากผิดปกติ และเขื่อนใหญ่ต่างๆ ก็ยังไม่เกินขีดความสามารถกักเก็บน้ำได้
เยียวยาเกษตรกรอย่าให้พบทุจริต
รมว.เกษตรฯ ยังกล่าวอีกว่า การจัดหาปัจจัยการผลิตด้านการเกษตรแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรนั้น จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายทุกขั้นตอน หากตรวจพบว่ามีการทุจริตในการช่วยเหลือเกษตรกรจะพิจารณาลงโทษอย่างเฉียบขาด โดยให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ประสบภัยได้เรียกประชุมจัดทำแผนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ กำหนดพื้นที่และหน่วยงานรับผิดชอบประจำพื้นที่ให้ชัดเจน รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความช่วยเหลือตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดด้วย
“นายกฯ” ห่วงใยน้ำท่วมหลายพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมอันเนื่องมาจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่าบางจังหวัดมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย
จึงได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านกระทรวงมหาดไทยให้บูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและสำรวจความเสียหายเพื่อชดเชยเยียวยาประชาชนต่อไป
“ผมได้ย้ำว่ารัฐบาลและกลไกทุกระดับของภาครัฐเฝ้าติดตามสภาพอากาศอยู่ตลอดเวลา เพราะช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงมรสุม ทำให้มีฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ พร้อมทั้งพยายามแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ทันท่วงที แต่หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ก็จะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้โดยเร็วที่สุด
พร้อมทั้งยังได้ฝากเตือนประชาชนให้ติดตามข่าวสารภัยพิบัติอย่างระมัดระวัง โดยขอให้ติดตามข่าวจากทางราชการ ไม่หลงเชื่อข่าวลือที่ส่งต่อกันทางโซเชียลมีเดีย เพราะอาจเกิดความตื่นตระหนกได้ เช่นกรณีที่ระบุว่า จ.สกลนครเกิดน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เป็นต้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี