ผู้ค้าแผงลอย"ถ.ข้าวสาร"ร้องขอเลื่อนจัดระเบียบดีเดย์ห้ามขาย1ส.ค.นี้ กทม.ยันยกเลิกตามกฎหมาย ขอ"บชน."ปิดชั่วคราว ให้ขายได้6โมง-เที่ยงคืน
31 ก.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงาน กลุ่มผู้ค้าจากชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร กว่า 100 คน พร้อมด้วยผู้แทนกลุ่มเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 30 คน เดินทางมายังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ขอพบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีการการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และถนนข้าวสาร ที่มีประกาศสำนักงานเขตพระนคร ห้ามตั้งวางหรือจำหน่ายสินค้าบนทางเท้า ในวันที่ 1 ส.ค.61 นี้ โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้ลงมาพบกลุ่มผู้ค้าดังกล่าวบริเวณหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และมอบให้ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เจรจาหารือกับผู้ค้าในรายละเอียดข้อร้องเรียนต่างๆ
โดยกลุ่มผู้ค้าบริเวณถนนข้าวสาร ขอให้ชะลอการพิจารณาคำสั่งตามประกาศสำนักงานเขตพระนคร ห้ามตั้งวางหรือจำหน่ายสินค้าบนทางเท้า ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.61) ออกไปก่อน โดยขอเข้ามีส่วนร่วมในการจัดระเบียบ เนื่องจากตามที่กรุงเทพมหานครกำหนดนั้น การตั้งวางแผงค้า หรือจุดจำหน่ายสินค้าที่แยกตามประเภทนั้นไม่สอดคล้องตามสภาพหรือความต้องการของผู้ค้าในพื้นที่ รวมถึงยังมีความกังวลในเรื่องระบบไฟฟ้าตามแผงค้าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว และปัญหาน้ำท่วมจากฝนตก
ด้านเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ขอเสนอให้รัฐบาล และกรุงเทพมหานคร คือ 1.ทบทวนยกเลิกนโยบายนี้และคืนพื้นที่ค้าขายให้กลุ่มหาบเร่แผงลอยที่เคยได้รับอนุญาตเดิม 2.ให้โอกาสผู้ค้าได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางการจัดระเบียบ เพื่อให้หาบเร่แผงลอยอยู่ร่วมกับชุมชนได้ 3.ให้ผู้ค้าประสานเจ้าหน้าที่เขตในการปฏิบัติตามแนวทางร่วมกัน 4.จัดมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ 5.พิจารณาออกกฎหมายเรื่องการค้าริมทางเท้าเพื่อการจัดระเบียบผู้ค้าหายเร่แผงลอยในระยะยาว ป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนไปมาจนส่งผลกระทบในการประกอบอาชีพ
นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือแนวทางการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ร่วมกับกลุ่มผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย 2 กลุ่ม เป็นผู้ค้าจากชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร ได้มาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดระเบียบผู้ค้าบนถนนข้าวสาร ซึ่งกรุงเทพมหานครก็รับฟัง โดยได้ยืนยันกับกลุ่มผู้ค้าว่าวันที่ 1 ส.ค.61 กรุงเทพมหานคร ยังจะดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าบนถนนข้าวสารตามแผนเดิม โดยจะล้างทำความสะอาด (Big Cleaning) ถนนข้าวสาร เพื่อเตรียมคืนพื้นที่และทางเท้าให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะนำผู้ค้าที่เคยทำการค้าบนทางเท้า ลงมาทำการค้าบนผิวจราจร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ให้ออกข้อบัญญัติจราจรเพื่อปิดถนนข้าวสารเป็นการชั่วคราว ระหว่างเวลา 18.00 - 24.00 น.เพื่อให้ผู้ค้าสามารถลงมาตั้งวางแผงและสามารถทำการค้าบนผิวจราจรแล้ว
ด้านกรณีเรื่องระบบไฟฟ้าที่ผู้ค้าเป็นห่วงว่าอาจเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยว ได้มอบหมายสำนักงานเขตพระนครดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย ส่วนกรณีฝนตกแล้วมีน้ำท่วมบนถนนข้าวสาร ในวันที่ 1 ส.ค.ที่จะมีการ Big Cleaning ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพระนครเขต และสำนักการระบายน้ำ ขุดลอกทำความสะอาดท่อระบายน้ำ นำสิ่งปฏิกูลและขยะออกจากท่อ เพื่อช่วยระบายน้ำและลดปัญหาบริเวณดังกล่าว
สำหรับอีกกลุ่ม เป็นเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มายื่นขอเรียกร้องขอกลับไปทำการค้าในจุดผ่อนผันเดิมที่ยกเลิกไปแล้ว ซึ่งกรุงเทพมหานครก็ยืนยันว่าไม่สามารถอนุญาตให้ผู้ค้ากลับไปทำการค้าในจุดผ่อนผันที่ยกเลิกไปแล้วได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย หากจะมีการออกข้อกฎหมายก็ต้องมีการหารือร่วมกันหลายฝ่าย อาทิ กองบัญชาการตำรวจนคร คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และกรุงเทพมหานคร ในการกำหนดขั้นตอน ความเหมาะสมในการแก้ข้อกฏหมายดังกล่าว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ส่วนจุดผ่อนผันที่เหลืออีก 232 จุด ได้มอบหมายให้ทุกเขตสำรวจพื้นที่ว่ายังมีผู้ค้าทำการค้าหรือไม่ หากจุดใดไม่มีผู้ค้าหรือไม่มีผลกระทบต่อผู้ค้า ให้รายงานสำนักเทศกิจเพื่อจะได้เสนอผู้บริหารเพื่อดำเนินการออกประกาศยกเลิกต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี