31 ก.ค.61 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) พร้อมด้วยนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน และนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะคณะทำงานและเลขานุการร่วมภาครัฐ พร้อมด้วยคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) นำเสนอผลงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐต่อ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่ารัฐบาลได้ประกาศใช้นโยบาย “สานพลังประชารัฐ” โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ช่วยกันแก้ปัญหาและคิดหาทางสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ผ่านโครงสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีคณะทำงานร่วมภาครัฐภาคเอกชน จำนวน 12 คณะ เป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบาย และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในด้านการพัฒนา คือ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มีกรอบเป้าหมายที่จะนำมาสู่ความยั่งยืน
ทั้งนี้ โดยได้ดำเนินการ 3 เรื่อง ประกอบด้วย เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ภายใต้ 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ โดยมีคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.) และ บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เป็นกลไกในการขับเคลื่อน
"จากการดำเนินงานมากว่า 2 ปี คณะทำงานฯ สร้างผลงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม มีการนำนวัตกรรมและองค์ความรู้เสริมสร้างเศรษฐกิจ 1.0 ให้เป็น Smart 1.0 เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานที่เติบโตจากชุมชนอันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่า จัดหาช่องทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้มีศักยภาพและความเข้มแข็งพร้อมก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 สร้างความเข้มแข็งและสานพลังทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับเศรษฐกิจระดับประเทศ" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมว่า มีกลุ่มเป้าหมายได้รับการพัฒนา ในปี 2561 ซึ่งคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย 3,985 กลุ่ม แยกเป็น ด้านการเกษตร จำนวน 1,019 กลุ่ม ด้านการแปรรูป จำนวน 2,025 กลุ่ม ด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวน 941 กลุ่ม รวมรายได้ที่เกิดขึ้น 2,224 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 572,356 คน นอกจากนี้จากข้อมูล จปฐ. ปรากฏว่าชุมชนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 1.23 ยอดเงินรวม 763,002,843 บาท อีกทั้งยังมีการขยายผลวิสาหกิจเพื่อสังคมระดับ อำเภอ ตำบล เพิ่ม 14 แห่ง
นอกจากนั้น มีการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ข้ามจังหวัด 6 แห่ง เช่น เครือข่ายผ้าบาติก เครือข่ายโคขุน เครือข่ายตลาดประชารัฐ เครือข่ายนครชัยบุรินทร์ เครือข่ายเพชรสมุทรคีรี และเครือข่ายมโนราห์ รวมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องต่อตลาด เช่น เห็ด จังหวัดอ่างทอง ยอดจำหน่าย 112,000 บาท/เดือน ชาใบข้าวหอมมะลิ จังหวัดร้อยเอ็ด ยอดจำหน่าย 100,000 บาท/เดือน ท่องเที่ยวชุมชนบ้านเดื่อ จังหวัดหนองคาย รายได้ 240,000 บาท/เดือน และเครื่องสำอางแบรนด์ส้มซ่า จังหวัดพิษณุโลก ยอดจำหน่าย 350,000 บาท/เดือนยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเพิ่มช่องทางการตลาดหลากหลายในทุกจังหวัด เช่น ตลาด Modern Trade อีกด้วย
ด้าน นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้มีการนำกรอบแนวคิด วิสาหกิจเพื่อสังคม มาขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายสานพลังประชารัฐทำให้เกิดวิสาหกิจเพื่อสังคมรูปแบบใหม่ โดย จัดตั้งบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ครบ 76 จังหวัด มีการขับเคลื่อนการทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐที่เป็นรูปธรรม 3 กลุ่มงาน ได้แก่ เกษตร, แปรรูป และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างด้านเกษตรและแปรรูป เช่น แม่แจ่มโมเดล เครื่องสีข้าว มีการแปรรูป มังคุด, ลำไย, สับปะรด และลองกอง ส่วนด้านการท่องเที่ยว มีการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ พัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั่วประเทศ เช่น รายการชื่นใจไทยแลนด์ นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างผลผลิตจากการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เช่นผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวกระบวนการแปรรูป เพิ่มมูลค่าเพื่อแก้ปัญหาราคาข้าว และย่ามผ้าไทยจากเครือข่ายบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด จำกัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี