วันนี้ (1 ส.ค.) ชาวประมง 22 จังหวัดได้พร้อมใจกันเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดจากระเบียบข้อกฎหมายทำให้ได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพประมงใน 7 ประเด็น พร้อมกับยื่นคำขาดต่อรัฐบาลหากภายใน 7 วันรัฐบาลไม่ดำเนินการแก้ปัญหาให้ชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดจะพร้อมใจกันหยุดเรือและเข้ายื่นเรื่องถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
โดยที่ จ.สงขลา นายพิชัย บูรณวัฒน์ และนายนิวัฒน์ บิลต้วน รองนายกสมาคมประมงจังหวัดสงขลา พร้อมตัวแทนชาวประมงในจังหวัดสงขลา เข้ายื่นหนังสือต่อนายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ช่วยเหลือผลกระทบในการประกอบอาชีพประมงและไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188(C.188) ว่าด้วยการทำงานในภาคการประมง พ.ศ.2550 และยกร่างกฎหมายรองรับการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2561 โดยการยื่นหนังสือในวันนี้นั้นเป็นการยื่นพร้อมกัน 22 จังหวัดทั่วประเทศในนามสมาคมประมงแห่งประเทศไทย
นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาจากกฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานต่างออกมาไม่สอดคล้องกับวิถีการทำประมง ทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน เรือประมงไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ต้องหยุดออกทำประมง เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวประมงจึงต้องรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือเรียกร้อง และหลังจากนี้จะรอฟังความคืบหน้า หากภายใน 7 วัน ยังไม่มีการแก้ไขชาวประมงอาจต้องหยุดทำประมงพร้อมกัน 22 จังหวัด แต่หลังจากนั้นหากยังไม่ชัดเจนก็จำเป็นต้องเคลื่อนไหวแนวทางสุดท้าย คือยื่นเรื่องถวายฎีกาต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า ชาวประมงได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถยังคงดำรงอาชีพประมงให้คงอยู่ แต่กฎระเบียบข้อบังคับที่ออกมากระทบต่อวิถีการทำประมง จึงทำให้การแก้ปัญหาในภาคการประมงหลาย ๆ เรื่องยังคงไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับการทำประมงมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหลายภาคส่วนยังไม่ได้บูรณาการร่วมกัน จึงอยากให้รัฐบาลช่วยทบทวนในเรื่องนี้
ที่ จ.ปัตตานี นายชิต ศรีกล่ำ รองนายกสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าของเรือประมง แพปลา พ่อค้าแม่ค้าปลา และผู้ประกอบธุรกิจประมง รวมถึงแรงงานชาวประมงใน จ.ปัตตานี กว่า 700 คน รวมตัวกันถือป้ายชุมนุม "ชาวประมงจังหวัดปัตตานีขอคัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะไปให้สัตยาบันรับอนุสัญญา C.188" ที่ลานพระรูป หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง และขอคำตอบภายใน 7 วัน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือหยุดทำการประมงเพื่อประท้วงรัฐบาล และจะดำเนินการยื่นถวายฎีกา
นายชิต กล่าวว่า ขอ 7 วันให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา ซึ่งรัฐก็รู้แล้ว ณ วันนี้เราเดือดร้อนมาก กฎหมายที่ออกมาแต่ละฉบับเราทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งออกเรือไปแล้วกลับมาก็มีปัญหา ทุกอย่างมีปัญหาตลอด ยิ่งทุกวันนี้เรือออกไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย เรื่องหนักที่สุด คือ C.188 ถ้าออกเรือ ลูกน้อง 4 คน เรือต้องมีห้องน้ำ และห้องนอน ถามว่ากฎหมายนี้มันคนละประเภท เพราะเราเรือไม้ กฎหมายแบบนี้เรารับไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 7 วัน ชาวประมงทั้งหมดทั่วประเทศจะหยุดเรือทันที และจะมีการล่ารายชื่อให้ได้ทั่วประเทศ 2 แสนรายชื่อ และคาดว่าน่าจะแก้ปัญหาช่วยชาวประมงได้
ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มผู้ประกอบการประมงปราณบุรีเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายธีรพันธ์ นันทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อผ่านถึงรัฐบาลเช่นกัน โดยนายอติชาติ ชัยศรี นายกสมาคมประมงปราณบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามี 10 ประเทศที่ลงนามให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาฯ ฉบับที่ 188 และมีผลบังคับใช้แล้ว แต่หากพิจารณาในเชิงลึกจะพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอีก 25 ประเทศในสหภาพยุโรป ไม่ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ โดยมีเพียง 3 ประเทศที่ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาฯ
ด้านนายสุรศักดิ์ จิมาพันธุ์ รองนายกสมาคมประมงจังหวัดระนอง กล่าวว่า ผู้ประกอบการประมงในจังหวัดระนองได้ยื่นหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เพราะเห็นว่ามีผลกระทบต่อชาวประมงไทยหลายประการ รวมถึงการจ้างงานภาคประมง ทางสมาคมประมงจังหวัดระนองขอคัดค้านอนุสัญญาฯ ฉบับ 188 เช่นเดียวกัน
7 ข้อเรียกร้องจี้ให้รัฐบาล คสช.แก้ภายใน 7 วัน
สำหรับข้อเรียกร้องของชาวประมงที่จะให้ดำเนินการแก้ไข ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย โดยผู้แทนสมาคมประมงจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม มีข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ดังนี้
1.การขาดแคลนแรงงาน ขอให้ใช้ ม.83 พ.ร.ก.ประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมงประกอบอาชีพ และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขอให้เปิดให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างผิดกฎหมาย และเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนทำบัตรซีบุ๊กได้ เพื่อทำงานในเรือประมง ซึ่งมีความต้องการแรงงาน จำนวน 50,000 คน และให้มาตรการเปิดใช้ตลอดระยะเวลา 2 ปี
2.การซื้อเรือคืน ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการเรื่องการซื้อเรือคืนโดยเร็วที่สุด
3.กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องปัญหาของกฎ และระเบียบต่างๆ ของกรมสวัสดิการ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงในช่วงระยะหลัง ไม่สอดคล้องต่อการประกอบอาชีพ ทำให้เกิดปัญหา ตลอดจนกฎต่างๆ ที่ออกมาเกินข้อกำหนดของอนุสัญญาต่างๆ
4.กรมเจ้าท่า ขอให้เร่งรัดการแก้ไข ปรับปรุงกฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นไปหลายเดือนแล้ว
5.กรมประมง ขอให้แก้ไขปัญหากฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ของกรมประมงที่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของชาวประมงในหลายๆ ฉบับ
6.PIPO ขอให้แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า-ออก เนื่องจากแต่ละหน่วย และเจ้าหน้าที่แต่ละศูนย์ปฏิบัติไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีการร่วมกันจัดทำคู่มือแนวการปฏิบัติแล้วก็ตาม
และ 7.VMS ปัญหาค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ที่ชาวประมงต้องรับภาระในช่วงที่เรือจอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี