ผู้ว่าฯ ตรังพาเที่ยว “ตำนานแห่งรัก-ยักษ์นางประหลาด” น้ำตกน้ำเค็มหัศจรรย์ ย่านตาขาว หนึ่งเดียวในไทย
13 ส.ค.61 นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ นายชัชวาล ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายธีรพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอย่านตาขาว หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชน เดินทางไป บ้านน้ำตกน้ำเค็ม บ้านท่าด่าน ม.10 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ทาง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ภายใต้ สโลแกน ตำนานแห่งรัก...ยักษ์-นางประหลาด “น้ำตกน้ำเค็ม ว่ากันว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ธรรมชาติปั้นแต่งไว้อย่างอัศจรรย์และมีที่เดียวในประเทศไทย
น้ำตกน้ำเค็มแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในบริเวณ บ้านท่าด่าน ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง น้ำไหลจากคลองทุ่งค่าย ลงสู่แม่น้ำปะเหลียน ก่อนลงสู่ทะเลอันดามัน ผ่านโขดหินรูปร่างแปลกตา ก่อให้เกิดน้ำตกขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะมีสวยงามแล้ว เสียงน้ำซ่านกระเส็นภายในวงล้อมของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ ที่ธรรมชาติยังคงความอุดมสมบูรณ์ สลับกับโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างแปลกตา ความสูงประมาณ 5 เมตร ความกว้างประมาณ 30 เมตร ก่อให้เกิดน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำตกแห่งนี้แปลก และแตกต่างไปจากน้ำตกอื่นๆ อยู่ที่สายน้ำที่ไหลจากคลองทุ่งค่าย เป็นน้ำเค็มจากทะเลอันดามันที่ไหลผ่านโขดหินลงไปสู่แม่น้ำปะเหลียน เพื่อออกสู่ทะเลอีกครั้ง กลายเป็นความอัศจรรย์ของ น้ำตกน้ำเค็ม แห่งเดียวในประเทศไทย
“น้ำตกน้ำเค็ม” ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “สายนบยักษ์” ซึ่งหมายถึงทำนบที่มีขนาดใหญ่ และเกิดขึ้นตามธรรมชาติมานานแล้ว ได้มีการพัฒนาสายนบยักษ์ หรือ “น้ำตกน้ำเค็ม” เนื่องจากบริเวณสถานที่ดังกล่าวมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีพื้นที่ครอบคลุม หมู่ที่ 6 บ้านทุ่งสำราญ และหมู่ที่ 8 บ้านทุ่งรวงทอง ช่วงรอยต่อกับตำบลทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งพัฒนา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ทำให้ปัจจุบันสามารถเยี่ยมชมน้ำตกได้อย่างสะดวกและใกล้ชิดยิ่งขึ้น แทนการล่องเรือชม “น้ำตกน้ำเค็ม” เหมือนเช่นในอดีต
นายพงศ์พัฒน์ พันธุศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่10 บ้านท่าด่าน ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เล่าให้ฟังว่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของ หมู่ที่ 10 บ้านท่าด่าน โดยมีไฮไลท์คือ น้ำตกน้ำเค็ม ซึ่งมีตำนานสมัยก่อน เป็นเรื่องราวของปู่ย่าตายาย มีเรื่องราวอยู่ว่า “มียักษ์ตนหนึ่ง อยู่บ้านท่าด่าน ไปหลงรักสาวอยี่นางประหลาด หรือ ต.โคกสะบ้า แต่ยักษ์อยากจะแต่งงานกับนางประหลาด นางประหลาดจึงบอกว่า ถ้าจะแต่งงานต้องสร้างนบให้เสร็จภายในเวลา 3 ปี แต่ในเวลา 3 ปีมีอุปสรรคมากมาย มีหินขวาง มีหินกั้นเยอะแยะมากมาย ทำให้ยักษ์ไม่สามารถสร้างนบได้เสร็จภายใน 3 ปี จึงยอมกลั้นใจตายทอดกายเป็นนบ เพื่อบูชาความรัก” ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของหมู่ที่ 10 บ้านท่าด่าน มีหลายกิจกรรม เช่น การพายเรือคายัก การเก็บหอยปะ หรือ หอยตลับ กิจกรรมการเก็บหอยกัน มีวิถีชีวิตชาวบ้าน การตกปู ตกปลา ซึ่งให้ผู้ศึกษาเข้ามาเรียนรู้ได้
“ในส่วนของการพัฒนาเพิ่มเติมก็อยากให้หน่วยงานโดยเฉพาะพาณิชย์จังหวัดเข้ามาต่อยอดในส่วนของสินค้าโอทอป ที่มีอยู่หลายชนิด เช่น เห็ดทอด เห็ดทอดนางฟ้า ปลาเค็ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารทะเล และอื่นๆ อยากให้พาณิชย์เข้ามาต่อยอดในเรื่องของผลิตภัณฑ์โอทอป และอีกอย่างเรื่องป่าชายเลนอยากให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและเป็นศูนย์เรียนรู้ของระดับจังหวัด เพราะที่นี่ป่าชายเลนมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ในเรื่องของเส้นทางที่เข้ามาท่องเที่ยวทางอำเภอได้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ซึ่งงบประมาณต่อไปจะมีการปรับปรุงถนนต่อไป หากนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาท่องเที่ยวพักผ่อนหรือชิมอาหารทะเลซีฟู้ด และอาหารพื้นบ้าน สามารถติดต่อได้ที่ตน นายพงศ์พัฒน์ พันธุศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านท่าด่านโทรศัพท์ 093-9834909” นายพงศ์พัฒน์ เล่าให้ฟัง
ด้าน นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า เริ่มแรกตอนสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ก็ได้เสนอหมู่บ้านท่าด่าน เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่น่าส่งเสริมการท่องเที่ยวและเสนอไปทางกรมพัฒนาชุมชน ก็ได้เป็นหมู่บ้านโอท้อปนวัตวิถีขึ้นมา เมื่อได้พัฒนาเป็นหมู่บ้านนวัตวิถี อันแรกที่เรามาชม จุดตรงนี้คือที่จะพายเรือคายัก และชมตำนานแห่งรักของ ยักษ์กับนางประหลาด ก็ได้ปรับปรุงเรื่องถนนโดยโครงการไทยนิยมยั่งยืน เข้ามาดำเนินการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในชุมชน ของตำบลทุ่งค่ายทั้งหมด พร้อมหาตำนานแห่งรักของยักษ์กับนางประหลาดถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งประกอบกับ ช่วงน้ำลงพี่น้องประชาชนจะนำอาหาร กุ้ง หอย ปู ปลา ทะเลที่หาบริเวณนี้มาขาย ถือว่าเป็นจุดที่เหมาะที่สุด ที่จะรับนักท่องเที่ยวเรามีศักยภาพที่สูงกว่า อยู่ใกล้สนามบิน แค่ 15 นาที เข้ามาถึงที่นี่เข้ามาพายเรือชมป่าโกงกาง ชมวิถี ชมตำนานของที่นี่ แล้วจะได้ชิมรสชาติที่แสนอร่อยจากอาหารซีฟู้ด และสินค้าโอทอปต่างๆ คิดว่าจะเสริมศักยภาพตรังด้านท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้อีกตัวหนึ่ง
ขณะที่นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนเองมาที่นบยักษ์แห่งนี้ รู้ดีใจ ที่ผ่านมารกร้างอยู่ นี่คือการต่อยอด นี่คือนโยบายรัฐบาลที่ได้ผล เรามีโอทอปนวัตวิถี เรามีโครงการซึ่งทำให้สิ่งที่เราทำไว้แล้วอาจจะยังไม่สำเร็จครบ 100 เปอร์เซ็น ตอนนี้สมบูรณ์ด้วยนวัตวิถี เรามีความคิดใหม่ๆจากพี่น้องประชาชนเอง ว่าเขามีพื้นฐานอย่างนี้แล้ว มีเงิน 3 แสน 5 แสน จะต่อยอดอะไร คนที่นี่ฉลาดมาก ใช้เงินเพิ่มอีกไม่มากแต่สามารถที่จะทำให้มีโครงการใหม่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน จะมีการนำเอาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ซึ่งเกาะแก่งไม่น่าเชื่อจะมาอยู่ในคลองแห่งนี้ พอน้ำลดจะมีแก่งหินอยู่ จะมีน้ำไหลลงมาเหมือนกับน้ำตก ที่เรียกว่า น้ำตกน้ำเค็ม มันก็เป็นอันซีนอันหนึ่ง ถ้าไม่มีนวัตวิถี เราก็ไม่รู้จะต่อยอดอย่างไร ถือว่าเป็นความสำเร็จของพี่น้องประชาชน และสำคัญที่สุดคือ ได้มอบหมายนายอำเภอช่วยดูแล ไม่ใช่ปล่อยชาวบ้านอย่างเดียว เราต้องเป็นกำลังใจให้ชาวบ้าน ให้เขาอยู่ได้ เพราะอาจมีปัญหาอุปสรรค อาจจะหมดเงิน นายอำเภอต้องบูรณาการต่อ จะเอาเงินไหนต่อ หรือใช้วิธีไหนที่ไม่ต้องใช้เงิน อย่างนี้เป็นต้น
ณ วันนี้ จังหวัดตรัง มิได้มีแต่อแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม มีให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เฉกเช่น แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ “ตำนานแห่งรัก-ยักษ์นางประหลาด”น้ำตกน้ำเค็มหัศจรรย์ ย่านตาขาว หนึ่งเดียวในไทย ที่เปิดรอให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าเที่ยวชมในขณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี