14 ส.ค. 2561 มูลนิธิผู้หญิง ร่วมกับเครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้าและสันติภาพ จัดเสวนาเรื่อง “การแต่งงานกับเด็ก : จุดยืนทางศาสนา ช่องว่างทางกฎหมายกับสิทธิของเด็กหญิง” ณ รร.วิคทรี ซ.พหลโยธิน 3 กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากกรณีชายสัญชาติมาเลเซีย อายุ 41 ปี เดินทางมายัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อแต่งงานกับเด็กหญิงชาวไทยวัย 11 ปี จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเพราะละเมิดสิทธิเด็ก เมื่อต้นเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา
นางตัสนีม เจ๊ะตู สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นราธิวาส ประจำ อ.เจาะไอร้อง ในฐานะผู้แทนศูนย์ประสานงานการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า เปิดเผยว่า ข่าวที่เกิดขึ้นคนในพื้นที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเพราะอาจมองในแง่ความเชื่อทางศาสนา ที่มีข้อระบุว่า เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือนก็สามารถแต่งงานได้ อย่างไรก็ตามแม้ศาสนาอิสลามจะไม่ได้ห้ามแต่งงานกับเด็กอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้ทำเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าแท้จริงแล้วเด็กหญิงคนดังกล่าวไม่ได้อายุ 11 ปี แต่อายุ 16 ปี เพียงแต่แจ้งเกิดช้าเท่านั้น
“ในพื้นที่มีเยอะมากที่แต่งงานช่วงอายุ 11-13 ปี หลายกรณีมาจากความมีอิสระในการคบค้ากับเพศตรงข้าม หมายถึงเป็นแฟนกัน แล้วก็มีอารมณ์ตามความรู้สึกของเด็ก นำไปสู่การแต่งงาน เมื่อโต๊ะอิหม่ามหรือผู้นำเห็นว่าเด็กอยู่กันในพื้นที่ไม่เหมาะก็เข้าหาผู้ใหญ่แล้วก็จัดแต่งงาน เป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แล้วก็มีหลายกรณีที่เป็นเรื่องของนายจ้าง หรืออาจจะมีอิทธิพลในพื้นที่ อย่างกรณีหนึ่งคนมีอิทธิพลได้สนับสนุนครอบครัวมาเนิ่นนาน เขาบอกว่าถ้าลูกของคุณจบ ป.6 แล้วต้องแต่งงานกับฉัน แล้วพอจบ ป.6 ก็แต่งจริงๆ” นางตัสนีม กล่าว
ขณะที่นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของ กสม. ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ในช่วง 2 - 3 ปีล่าสุด พบปัญหาความรุนแรงต่อสตรีหลายกรณี โดยเฉพาะการที่ผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้วยังถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่ก่อเหตุ ทั้งที่การล่วงละเมิดทางเพศเป็นความผิดร้ายแรงในศาสนาอิสลาม แต่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อมักเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้แม้ปัญหาแม่วัยใสหรือท้องก่อนวัยอันควรจะเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย แต่ในบริบท 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นแตกต่างจากที่อื่นๆ กล่าวคือ การแต่งงานก่อนวัยอันควรมักเกิดกับเด็กหญิงที่พื้นเพครอบครัวค่อนข้างยากจน และมักจะแต่งงานกับชายที่อายุมาก ซึ่งกรณีการแต่งงานที่อายุห่างกันมากๆ หากเป็นชายวัย 70 ปีกับหญิงวัย 20 ปี อาจจะไม่คิดอะไรเพราะฝ่ายหญิงสมัครใจ แต่กรณีนี้คือระหว่างเด็กหญิงอายุ 11 ปีกับชายวัย 41 ปี ตามที่เป็นข่าวไม่ควรจะเกิดขึ้นเพราะอาจเข้าข่ายแสวงหาประโยชน์จากเด็ก
นางอังคณา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเด็กหญิงน่าจะอายุ 16 ปี ไม่ใช่ 11 ปี เพียงแต่แจ้งเกิดช้านั้น ตนมองว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทางกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ซึ่งรวมถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เอาจริงเอาจังกับการแจ้งเกิดประชากรเกิดใหม่ในพื้นที่รับผิดชอบ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีการแจ้งเกิดช้านานไป 4-5 ปีเกิดขึ้นได้ แต่หากอยากทราบอายุจริงๆ ก็สามารถตรวจด้วยวิธี MRI ได้
“กรณีที่เกิดขึ้น เด็กเกิดในครอบครัวยากจน เด็กไม่ได้รับการศึกษา บิดาเป็นคนงานรับจ้างกรีดยางของชายอายุ 41 ปี แม่ก็ทำงานในร้านอาหารของภรรยาคนหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเด็กหญิงกับผู้ชายคนนี้ก็เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจ การแต่งงานจึงต้องพิจารณาว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็กหรือเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่” นางอังคณา ระบุ
นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ อดีตกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ตามกฎหมายรัฐบาลกลางของมาเลเซีย ซึ่งเป็นชาติต้นสังกัดของชายวัย 41 ปีนั้น 1.การแต่งงานเกิดขึ้นได้เมื่อชายมีอายุขั้นต่ำ 18 ปี และหญิงมีอายุขั้นต่ำ 16 ปี 2.ต้องมีคำยินยอมจากภรรยาคนก่อนหน้า เช่น ชายคนดังกล่าวมีภรรยามาแล้ว 2 คน หากจะรับหญิงใดเป็นภรรยาคนที่ 3 ต้องได้รับคำยินยอมจากภรรยาคนที่ 2 เสียก่อน
นอกจากนี้ตามธรรมเนียมศาสนาอิสลาม ชายใดจะมีภรรยามากกว่า 1 คน ต้องแสดงหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีศักยภาพทางเศรษฐกิจเพียงพอจะดูแลภรรยาทุกคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหลักนี้ถูกระบุไว้ในกฎหมายของมาเลเซียด้วย หากมีองค์ประกอบครบรัฐจึงรับรองการแต่งงานดังกล่าว แต่เรื่องที่เป็นข่าวนี้องค์ประกอบไม่ครบแน่นอนเพราะเป็นภรรยาคนที่ 2 นี่เองที่ออกมาเปิดเผย และถูกศาลสั่งปรับเงินไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยอมรับว่าข้อหากระทำชำเราเด็กอาจไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะกฎหมายรัฐกลันตันอนุญาต และพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็ยินยอม
“ถ้าจัดให้เด็กแต่งงานแล้วผลร้ายจะเกิดอะไรขึ้น อนุสัญญาสิทธิเด็กระบุว่าเด็กยังไม่เติบโตมีวุฒิภาวะเพียงพอ ยังต้องการการคุ้มครองและพัฒนาจากผู้ใหญ่ ถ้าให้เด็กไปแต่งงานก่อนเขาก็ไม่สามารถพัฒนาขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ในอนาคตเขาจะไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ อันนี้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะ เด็กผู้ชายถ้าสมรสเขาก็ยังพึ่งตนเองไม่ได้ ไม่มีทักษะดำเนินชีวิต ไม่มีทักษะพ่อแม่ ไม่มีทักษะสามีภรรยา สำหรับมนุษย์การสมรสไม่ใช่แค่เรื่องมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก แต่มีความสัมพันธ์ด้านกฎหมาย จิตใจ อารมณ์ ที่จะสร้างครอบครัวใหม่สืบทอดสายพันธุ์” นายสรรพสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายวิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ย้ำว่าแม้ในศาสนาอิสลามจะไม่ได้กำหนดวัยอันควรหรือไม่ควรแต่งงานไว้ตายตัวเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการตีความให้เข้ากับบริบททางสังคม แต่ก็มีการกำหนดหลักการไว้ว่า การแต่งงานต้องเกิดขึ้นจากความสมัครใจของหญิงนั้นเอง หรือแม้บางกรณีที่พ่อของผู้หญิงเป็นผู้ตัดสินใจก็ห้ามกระทำการในลักษณะบังคับ และแม้จะมีบางสำนักคิดของโลกมุสลิมให้พ่อยกลูกสาวของตนให้ผู้อื่นได้ แต่ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหญิงนั้นเอง ไม่ใช่ต่อผู้เป็นพ่อหรือผู้ปกครองของหญิงดังกล่าว
ซึ่งสมัยก่อตั้งศาสนาอิสลาม มีหญิงสาวไปร้องทุกข์กับศาสดา (นบีมูฮัมหมัด) ว่าไม่อยากแต่งงานกับคนที่พ่อหาให้เพราะรู้ว่าเป็นการแต่งงานเพื่อความมีหน้าตาทางสังคมของผู้เป็นพ่อ และศาสดามูฮัมหมัดท่านก็บอกว่าหญิงสาวมีสิทธิ์เลือกทางชีวิตของตนเอง ดังนั้นหากการที่พ่อบังคับหญิงสาวแต่งงานมีสาเหตุว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพ่อเอง หญิงสาวผู้เป็นลูกย่อมสามารถปฏิเสธการแต่งงานนั้นได้
“กรณีนี้เป็นการทำพิธีโดยอิหม่าม ไม่ได้ขึ้นมาถึงกรรมการจังหวัด ด้วยเหตุนี้จึงวางมาตรการป้องกันกรณีแบบนี้ ว่าหากผู้หญิงอายุไม่ถึง 17 ปี และพ่อแม่ต้องการจะให้เด็กแต่งงาน อิหม่ามไม่ควรจะทำแล้ว ให้มาถึงระดับกรรมการจังหวัดพิจารณาว่าเหมาะสมตามหลักศาสนาหรือไม่ ด้วยความจำเป็นประการใด เป็นไปตามสิ่งที่จะเกิดประโยชน์ต่อเด็กหรือไม่ ต่อคู่บ่าวสาวหรือไม่ประการใด ทั้งนี้การแต่งงานระหว่างเด็ก 11 ปี กับผู้ใหญ่ 41 ปีนี้ไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส” นายวิสุทธิ์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่งตัวกลับด่วน!ดญ.นราฯวัย11ปีที่แต่งงานกับนักธุรกิจมาเลย์ อยู่ในความคุ้มครองของพม.แล้ว
มทภ.4ป้องหญิง4จชต.แต่งงานก่อนวัยอันควร ชี้ทหารไม่ยุ่งเรื่องศาสนา
กสม.ออกแถลงการณ์ ปม'เจ้าสาววัยใสไทย'วิวาห์'หนุ่มใหญ่มาเลย์' ชี้ละเมิดสิทธิเด็ก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี