ปภ.สั่ง 58 จังหวัดรับมือพายุ“เบบินคา”ถล่มน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ศูนย์เฉพาะกิจฯออกประกาศเฝ้าระวังหลังน้ำไหลเข้าเขื่อนมาก สั่ง9หน่วยงาน รับมือ4 เขื่อน เฝ้าระวัง56อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ในฐานะผู้อำนวยการกลาง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง(กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า หลายพื้นที่ยังเสี่ยงต่อเกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน“เบบินคา” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว
“จะส่งผลให้ไปถึง19 ส.ค.ทั่วทุกภาคของไทย มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์มาก อาจต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอาจเกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงคลื่นลมทะเลสูง 2–4 เมตร”นายชบพล กล่าว
นอกจากนี้ได้สั่งการให้จังหวัดเสี่ยงภัย แยกเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภั ยและดินโคลนถล่ม 54 จังหวัด แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร ตาก นครสวรรค์และอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง 11 จังหวัดได้แก่กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง 13จังหวัด แยกเป็น ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ ปภ.เขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ออกประกาศ ฉบับที่ 6/2561เรื่องสถานการณ์น้ำเนื่องจากผลกระทบจากพายุ’เบบินคา’ โดยทางศูนย์ฯได้เน้นย้ำให้ 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพร่องน้ำให้เต็มศักยภาพของลำน้ำท้ายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของฝนที่ตกเหนือเขื่อน ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด ตลอดจนประสานจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่
ส่วนเขื่อนที่ต้องเฝ้าระวังที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุมและปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มี 4 แห่งได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ปริมาณน้ำ คิดเป็นร้อยละ103 เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร คิดเป็นร้อยละ 103 เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 88 และเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 84 แนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งระบายน้ำเต็มศักยภาพ เพื่อรองรับปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อน
ส่วนที่เฝ้าระวัง คือ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มี 2 แห่ง คือเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฏร์ธานี 2.อ่างเก็บน้ำคิรีธาร จ.จันทบุรี รวมถึง ให้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง56 แห่งแยกเป็น ภาคเหนือ 4 แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 43 แห่ง ภาคตะวันออก 5 แห่ง ภาคกลาง 1 แห่ง และภาคใต้ 3 แห่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี