อ้างยังไม่เปล่งวาจา‘สึก’
อดีต‘พุทธะฯ’
เตรียมกลับมาบวชใหม่
พ้นคุก‘นุ่งขาวห่มขาว’
เลื่อนให้การคดีซ้อมตร.
ผ่าตัด2จุด‘หลัง-ตาขวา’
ศาลนัดสอบ8ตค.ต้องมา
อดีตพระพุทธะอิสระอาการป่วยกำเริบหนัก ลูกศิษย์พาเข้ารพ.ทันทีหลังได้ประกัน ส่งทนายขอเลื่อนสอบคำให้การคดีซ้อม-กักขัง 2 ตำรวจสันติบาล แจงเหตุผลต้องผ่าตัด 2 จุด ทั้งผ่าหลัง-ผ่าตา ใช้เวลาพักฟื้น 45 วัน ศาลเมตตานัดใหม่ 8 ตุลาคม กำชับต้องนำตัวมาให้ได้ เผยยังไม่เปล่งวาจาสึกอาจจะกลับมาบวชใหม่
เมื่อเวลา 08.00 น. วัน 16 สิงหาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.2498/61ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทยื่นฟ้องนายสุวิทย์ ทองประเสริฐอายุ 59 ปี หรืออดีตพระพุทธอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นจำเลย ความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังหรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งทำการตามหน้าที่ ให้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำหรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายฯ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 บริเวณเวทีปราศรัยของกลุ่ม กปปส. หน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ จำเลยซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมกับบุคคลมากกว่า 5 คนขึ้นไป ทำหน้าที่เป็นการ์ด ร่วมหน่วงเหนี่ยวกักขังร.ต.ต.สมคิด เชยกมล และด.ต.วชิรพงศ์ อุ่นนวลบูรพงศ์ ผู้เสียหายที่ 1-2 ตำรวจสันติบาลที่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปสืบสวนหาข่าว โดยใช้กำลังจับผู้เสียหายทั้งสองปิดตา มัดมือ ใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ร.ต.ต.สมคิดได้รับอันตรายสาหัส ส่วนด.ต.วชิรพงศ์ มีบาดแผลฟกช้ำหลายแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสองมูลค่ารวม 60,900 บาทสูญหายไป นอกจากนี้ ยังใช้กำลังประทุษร้ายข่มขู่ให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายทั้งสองไว้หลายชั่วโมง เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ทั้งนี้ อัยการขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 (คดีกบฏ กปปส.) ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงกำหนดนัด นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของอดีตพระพุทธอิสระ แจ้งว่า อดีตพระพุทธอิสระไม่สามารถเดินทางมาศาลเพื่อสอบคำให้การคดีได้ เนื่องจากอาการป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทกำเริบตั้งแต่เมื่อคืน หลังได้ปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ คณะลูกศิษย์ก็พาเข้ารับการรักษาต่อที่รพ.แห่งหนึ่งทันที เพราะระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ 84 วัน ก็มีอาการป่วยอยู่แล้วแต่ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องจริงจัง โดยแพทย์วินิจฉัยว่า อาการป่วยหมอนรองกระดูกรุนแรง ต้องรักษาและพักฟื้นระยะหนึ่ง จึงเดินทางมาศาลไม่ได้ในวันนี้
ทั้งนี้ ตนนำใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล ขอความเมตตาให้เลื่อนสอบคำให้การคดีนี้ไปก่อน ส่วนคดีร่วมกันก่อกบฏ ศาลอาญานัดคดีไว้เดือนตุลาคม ตนจะขอศาลสอบคำให้การช่วงดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อดีตพระพุทธะอิสระยังนุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย ยังไม่ถือว่าขาดจากความเป็นพระ เพราะยังไม่ได้เปล่งวาจาสึก แต่ตามกฎหมายถือว่าขาดจากความเป็นพระแล้ว ทั้งนี้ เป็นไปได้สูงมากที่อดีตพระพุทธอิสระจะกลับมาบวชอีก แต่เมื่อใด ยังไม่สามารถระบุได้
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายธีรยุทธ เปิดเผยอีกครั้งว่า หลังตนยื่นคำร้องขอเลื่อนสอบคำให้การอดีตพระพุทธอิสรแล้วและอธิบายเหตุผลต่อศาลว่า อดีตพระพุทธอิสระต้องเข้าผ่าตัดกระดูกสันหลัง เพราะเป็นโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทและผ่าตัดเปลี่ยนเลนซ์ดวงตาข้างขวา ซึ่งขณะนี้มองไม่เห็น เนื่องจาก 10 ปีก่อน อดีตพระพุทธอิสระถูกต่อต่อยและไม่ได้รักษาอย่างถูกต้อง ทำให้ตาข้างขวามองไม่เห็น ซึ่งแพทย์ที่รักษาอาการกระดูกทับเส้นประสาท และจักษุแพทย์หารือกันแล้วลงความเห็นว่า ควรต้องผ่าตัดรักษาอาการทั้ง 2 จุดไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งการผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน แต่ต้องพักฟื้นประมาณ 45 วัน
ทั้งนี้ หลังศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนสอบคำให้การเป็นวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีร่วมกันก่อกบฏ (กปปส.) ตามที่ศาลอาญานัดไว้ล่วงหน้าแล้ว พร้อมกำชับให้นำตัวจำเลยมาศาลด้วย แต่ถ้าอาการป่วยดีขึ้นก่อนวันที่ 8 ตุลาคมให้มาแจ้งต่อศาลเพื่อสอบคำให้การก่อน กระบวนการพิจารณาจะได้รวดเร็ว เพราะเป็นคดีสำคัญ ประชาชนให้ความสนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี