วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ผลิตส้มโอคุณภาพ นำเทคโนโลยีช่วยในการผลิต มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า (QR Trace) เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในแหล่งผลิตและคุณภาพ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย พร้อมเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจปลูกส้มโอคุณภาพเพื่อการส่งออก
นางสาวสุวิดา ชื่นอมรกุลชัย เกษตรกรปราดเปรื่อง (Young Smart Farmer) ต้นแบบของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ กรมส่งเสริมการเกษตร ให้เข้าร่วมโครงการเกษตรกรปราดเปรื่อง (Young Smart Farmer) เมื่อปี 2559 ทำให้ได้รับการพัฒนาเป็นเกษตรกรที่มีความพร้อม ความรู้ ความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพการเกษตร ปัจจุบันได้เป็นประธานศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จังหวัดพิจิตร และสามารถเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจปลูกส้มโอคุณภาพเพื่อการส่งออก ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกส้มโอ จำนวน 35 ไร่ ซึ่งการปลูกส้มโอนั้น เมื่อปลูกได้ประมาณ 3 ปีขึ้นไปแล้ว ต้องเตรียมต้นส้มโอให้พร้อมสำหรับการผลิตในรุ่นถัดไป โดยมีเทคนิค เช่น วิธีการการกักน้ำ/สะสมอาหาร ให้กับส้มโอ เริ่มจากการสะสมอาหารโดยเน้นให้ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูงประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อต้น (แล้วแต่ขนาดทรงพุ่ม) และรดน้ำหลังจากใส่ปุ๋ย ประมาณ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง หลังจากใส่ปุ๋ยและรดน้ำจนปุ๋ยละลายหมดแล้ว ก็จะทำการกักน้ำเพื่อบังคับให้ส้มโอออกดอกและ มีผลผลิตพร้อมกัน โดยการงดให้น้ำ 7-30 วันจนส้มโอแสดงอาการเหี่ยวเฉา ส่วนการตัดแต่งกิ่งส้มโอ หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จะต้องตัดแต่งกิ่งที่ไม่ต้องการออก เพื่อให้ได้ทรงพุ่มที่เหมาะสมตามต้องการ และง่ายต่อการดูแล ผลส้มโอมักจะออกและติดผลตามกิ่งเล็ก ซึ่งเป็นกิ่งแก่พอสมควร โดยส่วนมากจะตัดกิ่งที่เป็นโรค กิ่งแห้ง กิ่งกาฝาก กิ่งกระโดง และกิ่งที่หนาทึบออก ประโยชน์ของการตัดแต่งกิ่ง ทำให้ลำต้นมีโครงสร้างแข็งแรง สะดวกต่อการปฏิบัติงาน ทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ส้มโอสังเคราะห์แสงได้ดี ช่วยลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช หลังจากตัดแต่งกิ่งส้มโอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงทำการขึ้นน้ำให้กับต้นส้มโอ โดยรดน้ำจนดินเปียกชุ่มติดต่อกันทุกวันประมาณ 3 - 5 วัน วันละ 3 - 4 ชั่วโมง และใส่ปุ๋ย แล้วค่อยๆปรับความถี่การรดน้ำลง โดยรดน้ำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง จากนั้นต้นส้มโอจะแตกใบและออกดอก ให้รักษาความชื้นในดินให้เพียงพอ ควรเพิ่มการให้ปุ๋ยทางใบกับต้นส้มโอด้วย แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำมากจนเกินไปและเมื่อส้มโอติดผลจึงให้น้ำตามปกติ
เมื่อส้มโอติดผล ผลมีสีเขียวเข้มและขยายขนาดขึ้น ให้มั่นสังเกตโรคและแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ ไรแดง หนอน ฯลฯ เมื่อผลส้มโอมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-10 ซม. ให้บำรุงต้นและใบให้สมบูรณ์ โดยทำการใส่ปุ๋ยทางดิน อัตรา 0.5 - 1 กิโลกรัมต่อต้นและให้ปุ๋ยทางใบควบคู่กันไปด้วย แล้วจึงรดน้ำ โดยอย่าให้ดินแห้งจนเกินไป ให้ต้นส้มโอสามารถสังเคราะห์แสงนำอาหารไปเลี้ยงผลได้เพียงพอ ส่วนการเก็บเกี่ยวผลส้มโอควรทำด้วยความระมัดระวัง โดยใช้กรรไกรตัดแบบติดขั้วผล ผลส้มโอที่เก็บเกี่ยวได้มีลักษณะดังนี้คือ เมื่อส้มโอมีอายุ 6.5-8 เดือนหลังจากดอกบาน สังเกตที่ผิวของผล ต่อมน้ำมันจะขยายขนาด บริเวณก้นผลมีรอยบุ๋ม วัดปริมาณน้ำตาล โดยสุ่มเก็บผลส้มโอและคั้นเอาน้ำมาวัดด้วยเครื่องวัดความหวาน (Hand Refract meter) ส้มโอที่มีรสชาติดี ควรมีค่าน้ำตาลไม่ต่ำกว่า 10 องศาบริกซ์
เมื่อเก็บผลส้มโอมาจากสวนแล้ว ต้องระมัดระวังในเรื่องการขนผลผลิตออกจากสวน ไม่ให้ผลส้มโอเกิดการกระทบกระเทือน จากนั้นนำผลผลิตมาตัดแต่งขั้วผลและใบ สังเกตรอยแผลและตำหนิ พร้อมกับคัดขนาดผลให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค สำหรับการทำความสะอาดผลส้มโอ โดยใช้น้ำสะอาดล้างผิวด้านนอกหรือใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดที่ผลให้สะอาด จากนั้นนำผ้าสะอาดมาเช็ดผลส้มโอหรือใช้พัดลมเป่าผลจนแห้งสนิท
“จุดเด่นการผลิตส้มโอคือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาควบคุมการให้น้ำ (Timer Meter) สามารถควบคุมเวลาเปิด-ปิดมอเตอร์ รดน้ำอัตโนมัติ ทำให้สะดวกและมีเวลาในการทำงานอื่นเพิ่มมากขึ้น มีการหว่านปอเทือง เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน เป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน และคุมหน้าดิน ใช้เครื่องวัดความหวาน (Hand Refract meter) วัดคุณภาพของส้มโอก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า (QR Trace) เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในแหล่งผลิตและคุณภาพสินค้า มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยนำวัสดุจากธรรมชาติมาพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่ผลผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต สามารถนำไปเป็นของฝากตามโอกาสต่างๆ และช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน ซึ่งหากใครสนใจในการปลูกส้มโอฉบับมืออาชีพ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จังหวัดพิจิตร เลขที่ 8/1 หมู่ 6 ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เบอร์โทรศัพท์ 09-3145-3833 Facebook:Kawang Suri Line : SUWI_kk e-mail: kawangch@gmail.com” นางสาวสุวิดา กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี