24 ส.ค.61 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิริธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีเรื่องตามที่ได้มีบุคคลพยายามเสนอข้อมูลข่าวสาร โจมตีการดำเนินโครงการพาคนกลับบ้านว่าเป็นการสร้างภาพพาโจรกลับบ้าน, ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ตามกฎหมาย, มอบบ้าน, ที่ดินทำกินและจ่ายเงินตอบแทนให้รายละ 1,000,000 บาท เป็นต้น ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอสร้างความเข้าใจ ดังนี้
โครงการพาคนกลับบ้าน เป็นโครงการที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 จนถึง ปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเปิดพื้นที่และเปิดโอกาสให้ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ ที่ต้องการยุติ การใช้ความรุนแรงเข้ามาต่อสู้ตามแนวทางสันติวิธี ด้วยการเข้ารายงานตัวแสดงตนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนดไว้ เช่น การฝึกอบรมเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดความเชื่อให้เป็นไปตามหลักคำสอนที่ถูกต้องของศาสนาอิสลาม, การอำนวยความสะดวก ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม, การฝึกอบรมวิชาชีพ, การสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคม, และการพบปะพัฒนาสัมพันธ์โดยเจ้าหน้าที่และชมรมพาคนกลับบ้าน การดำเนินการที่ผ่านมา ผู้เห็นต่างจากรัฐที่ต้องการยุติบทบาทและไม่เห็นด้วยกับการ ใช้ความรุนแรงอย่างกว้างขวางด้วยการออกมารายงานตัวเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 5,427 ราย ประกอบด้วย กลุ่มเป้าหมายในประเทศ จำนวน 5,305 ราย (ปี 2555 - 2559 จำนวน 4,403 ราย, ปี 2560 จำนวน 127 ราย และปี 2561 จำนวน 775 ราย) โดยทั้งหมดจะต้องผ่าน กรรมวิธีตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ก่อนกลับไปไปใช้ชีวิตตามปกติในภูมิลำเนา
สำหรับผู้ที่มีหมายจับ ป.วิอาญา จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น รวมทั้งไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น ที่อยู่อาศัย, ที่ดินทำกินและค่าตอบแทนต่างๆ เพื่อจูงใจให้เข้าร่วมโครงการแต่อย่างใด
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้ อาจจำเป็นต้องจัดสร้างศูนย์พักพิงและที่ดินทำกิน ให้เข้าพักอาศัยเป็นส่วนรวมภายใต้เงื่อนไขที่รัฐกำหนดให้เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อื่นๆในอดีต จากการดำเนินโครงการพาคนกลับบ้านตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากจะสามารถลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการใช้ความรุนแรงแล้ว ยังได้รับการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ OICเพราะเป็นแนวทางแก้ปัญหาตามแนวทางสันติวิธีที่ไม่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล ทำให้ผู้เห็นต่างจากรัฐมีความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ และกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี