ร.10 พระราชทานขบวนรถหญ้าและอาหารสัตว์ ช่วยเกษตรกรประสบภัยน้ำท่วม
30 ส.ค.61 ที่ศูนย์ราชการกรมปศุสัตว์ จ.ปทุมธานี นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
นายกฤษฎา กล่าวว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระเมตตา ไว้วางพระราชหฤทัย และพระราชทานพระราชานุญาตให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย โดยการนำหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานไปบรรเทาความเดือดร้อนและบำรุงสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้จัดเตรียมหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน เพื่อนำไปช่วยเหลือแก่สัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และตลอดในช่วงฤดูฝน เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรต่อไป
ด้านนายสัตวแพทย์(น.สพ.) สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในทั่วทุกภาคของประเทศ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการขาดแคลนพืชอาหารสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยง กรมปศุสัตว์ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ การเกิดอุทกภัยอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์อย่างทันท่วงทีและนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตา ห่วงใยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ประสบอุทกภัยพระราชทานหญ้าอาหารสัตว์เพื่อช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ได้ให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งเกิดจากพายุโซนร้อนเซินติญ และพายุโซนร้อนเบบินคา ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 25สิงหาคม 2561 โดยสนับสนุนเสบียงสัตว์ ในรูปหญ้าแห้ง ไปแล้วจำนวน396 ตัน (19,800 ฟ่อน)ประกอบด้วย ในพื้นที่เขต 2จังหวัดนครนายก จำนวน 4ตัน พื้นที่เขต 3 จังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี จำนวน 25ตัน พื้นที่เขต 4 จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนมร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร จำนวน 277 ตัน พื้นที่เขต 5 จังหวัดน่านเชียงราย และพะเยา จำนวน90 ตัน ในขณะนี้ กรมปศุสัตว์ยังมีเสบียงสัตว์ (หญ้าแห้ง) คงเหลือ จำนวน 4,166 ตัน(208,000 ฟ่อน) เตรียมช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์ได้มีการเตรียมความพร้อมด้านเสบียงสัตว์ รองรับพื้นที่เสี่ยง รวม 7 จังหวัด ในพื้นที่เขต 1 และเขต 6 ตอนล่างได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานีชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทองลพบุรี และอยุธยา จำนวน736 ตัน (36,800 ฟ่อน)เป็นเสบียงสัตว์จาก3 หน่วยงานของสำนักพัฒนาอาหารสัตว์ ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชัยนาท จำนวน 294 ตัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา จำนวน 136ตัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์พิจิตร จำนวน 306 ตัน โดยในวันนี้กรมปศุสัตว์จะดำเนินการปล่อยขบวนรถบรรทุกหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน จำนวน 20ตัน (1,000ฟ่อน) จากศูนย์ราชการกรมปศุสัตว์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อนำไปเก็บสำรองไว้ที่คลังเสบียงสัตว์ประจำตำบลใน 3 จังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ได้แก่
- จังหวัดอ่างทอง ที่อำเภอวิเศษไชยชาญ จำนวน 100ฟ่อน และอำเภอแสวงหาจำนวน 100 ฟ่อน โดยมีผู้ประสานงาน คือ น้องอู่ (กลุ่มส่งเสริมฯ) โทร081-9911347
- จังหวัดอยุธยา ที่อำเภอเสนา ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งรับน้ำของกรมชลประทาน จำนวน600 ฟ่อน โดยมีผู้ประสานงาน คือ คุณทำเนียบ (กลุ่มยุทธศาตร์ฯ) โทร086-7852218 และคุณเสงี่ยม (ปศุสัตว์อำเภอเสนา) โทร 081-9487818
- จังหวัดชัยนาท ที่อำเภอสรรพยา ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งรับน้ำของชลประทาน จำนวน 200 ฟ่อน ผู้ประสานงานคือคุณกนกพร (กลุ่มยุทธศาสตร์)โทรศัพท์081-9514747
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังจัดส่งถุงยังชีพสำหรับสัตว์จำนวน 2,000 ชุด เพื่อเตรียมการรองรับภัยล่วงหน้า ในพื้นที่เลียบฝั่งของเขต 8 ทั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อม ซึ่งจะมีการบูรณาการหน่วยงานต่างๆเพื่อให้การช่วยเหลือในด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี