เตือน5อำเภออยุธยา
เตรียมรับมืออุทกภัย
หลังเขื่อนเจ้าพระยา
เร่งระบายรอน้ำเหนือ
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พระราชทานหญ้า-อาหารสัตว์ ให้กรมปศุสัตว์นำไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ ด้านรองนายกฯสั่งหน่วยงานด้านน้ำเร่งทำบัญชีปริมาณน้ำ-แผนจัดการน้ำส่งสทนช. เพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัย พร้อมเร่งพร่องน้ำในเขื่อนใหญ่ โดยเฉพาะในอีสาน-ภาคกลาง รอรับฝนที่อาจตกเพิ่มขึ้น กรมชลเตือน 5 อำเภออยุธยา รับมือเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม รองรับมวลน้ำเหนือ
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ศูนย์ราชการกรมปศุสัตว์จ.ปทุมธานี นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนรถหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ประสบปัญหาอุทกภัย
ร.10พระราชทานหญ้าอาหารสัตว์
โดยนายกฤษฎากล่าวว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระเมตตา ไว้วางพระราชหฤทัย และพระราชทานพระราชานุญาตให้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ด้วยการนำหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานไปบรรเทาความเดือดร้อนและบำรุงสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ซึ่งกรมปศุสัตว์จัดเตรียมหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานนำไปช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และจะให้ความช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และตลอดช่วงฤดูฝน เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตาห่วงใยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ประสบอุทกภัยพระราชทานหญ้าอาหารสัตว์
ปศุสัตว์สำรองเสบียงสัตว์7จว.เสี่ยง
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-25สิงหาคม โดยสนับสนุนเสบียงสัตว์ ในรูปหญ้าแห้งไปแล้ว 396 ตัน จำนวน 19,800 ฟ่อน ยังมีเสบียงสัตว์หญ้าแห้ง คงเหลือ 4,166 ตัน จำนวน208,000 ฟ่อน เตรียมช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมเตรียมความพร้อมด้านเสบียงสัตว์ รองรับพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัดได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานีชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรีและอยุธยา จำนวน736 ตัน จำนวน36,800 ฟ่อน วันเดียวกันนี้ กรมฯจะปล่อยขบวนรถบรรทุกหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 20 ตัน จำนวน 1,000 ฟ่อนนำไปเก็บสำรองไว้ที่คลังเสบียงสัตว์ประจำตำบลใน 3 จังหวัด ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ได้แก่ จ.อ่างทอง ที่อ.วิเศษไชยชาญ อ.แสวงหา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อ.เสนา พื้นที่รับน้ำ และจ.ชัยนาท ที่อ.สรรพยา พื้นที่รับน้ำ พร้อมจัดส่งถุงยังชีพสำหรับสัตว์ 2,000 ชุด รองรับภัยล่วงหน้าในพื้นที่เลียบฝั่งของเขต 8 ทั้งนี้ จะให้ความช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
6จว.ยังจมปภ.เร่งระบายน้ำ
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อนเบบินคา และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17-30 สิงหาคม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มใน 15 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 37,080 ครัวเรือน 114,0237 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 9 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,691 ครัวเรือน 47,708 คน ได้แก่ จ.นครพนม จ.บึงกาฬ จ.เพชรบุรี จ.สกลนคร จ.นครนายก จ.ชัยภูมิ ทั้งนี้ ปภ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
สั่งทำแผนจัดการน้ำในเขื่อนทั่วปท.
ที่ศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยหลังประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลแผนน้ำของประเทศ สั่งให้ทำบัญชีอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีน้ำมากเกินเกณฑ์ควบคุม พร้อมแผนเผชิญเหตุภาวะวิกฤติเป็นหนึ่งเดียว พร้อมเส้นทางเบี่ยงน้ำกรณีฉุกเฉินเพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ดูแลอ่างขนาดเล็กกว่า 4 พันแห่ง กรมทรัพยากรน้ำ 470 แห่ง กรมชลประทาน ดูแลอ่างขนาดกลางมีน้ำมาก ในภาคอีสาน 25 แห่ง และร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)ดูแล เขื่อนใหญ่ 6 แห่งมีน้ำมากร้อยละ 90-100 เขื่อนน้ำอูน เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนปราณบุรี เขื่อนขุนด่านปราการชล ให้ทุกแห่งทำแผนเส้นทางระบายน้ำ ต้องส่งแผนทั้งหมดให้สทนช.ภายในวันที่ 31 สิงหาคม
เร่งพร่องน้ำภาคอีสานรับฝน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยากับสำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) คาดการณ์ว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 1 กันยายน ยังมีฝนมากจากหย่อมความกดอากาศปกคลุม อ่าวตังเกี๋ย ประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม แนวจังหวัดติดแม่น้ำโขงรับน้ำจากประเทศลาว มีระดับน้ำสูงล้นตลิ่ง จ.มุกดาหาร ถึงจ.อุบลราชธานี ที่จะทำให้แม่น้ำสงคราม เพิ่มสูงขึ้นกระทบการระบายน้ำจากเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร โดยรองนายกฯให้กรมชลประทานเร่งพร่องลำน้ำภาคอีสานรองรับฝนใหม่ และภาคเหนือ จ.น่าน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เพิ่มน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ศรีนครรินทร์ แก่งกระจาน ปราณบุรี ต้องเร่งระบายน้ำและพร่องลำน้ำให้มากขึ้น เพื่อมีพื้นที่รับน้ำฝนมากขึ้นให้ได้
เตือน5อ.อยุธยารับมือน้ำท่วม
นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า ในส่วนภาคกลาง อาจมีพายุเข้าช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม จึงสั่งให้กรมชลประทาน เร่งพร่องน้ำ เพิ่มการระบายเขื่อนเจ้าพระยาจาก 630 ลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 800 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 70 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาลงอ่าวไทยวันที่ 31 สิงหาคม ส่งผลพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำท่วมซ้ำซาก 5 อำเภอคือ อ.เสนา บางบาล ป่าโมก ผักไห่ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 30-50 ซม.ใน1-2 วันนี้ เพราะรับน้ำจากฝนตกในพื้นที่ด้วย รวมทั้งช่วงกลางเดือนกันยายน .มีร่องมรสุมจากจีนกระทบมากขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังให้กรมชลฯเร่งแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ และเฝ้าระวังโบราณสถาน ใกล้แม่น้ำใน จ.พระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
เลขาฯสทนช.กล่าวอีกว่า สำหรับเขื่อนใหญ่ในภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ต้องเร่งระบายช่วงนี้ เพราะกลางเดือนกันยายนจะได้รับกระทบจากร่องมรสุมอีกระลอก ส่วนที่ต้องเพิ่มการระบายน้ำเร่งด่วน คือ เขื่อนศรีนครรินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ขณะนี้ระบาย 53 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ถึงวันที่ 3 กันยายน ให้ทำแผนปรับเพิ่มเพราะฝนยังมาเติมอยู่ โดยขยับเพิ่มขึ้นอีก 5-10 ล้าน ลบ.มต่อวัน ซึ่งต้องดูผลกระทบพื้นที่ตอนล่าง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า
เขื่อนเจ้าพระยาพร่องรับน้ำเหนือ
วันเดียวกัน เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาทปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนต่อเนื่อง จากเดิมระบายในอัตรา 631ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มเป็น 681ลบ.ม.ต่อวินาที เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลจากภาคเหนือผ่านจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์เข้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น จากเดิม 1,017 ลบ.ม.ต่อวินาที ขึ้นไปอยู่ที่ 1,091]ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระเพิ่มขึ้นจากเดิม+16.43เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ไปอยู่ที่+16.68เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง หรือเพิ่มขึ้น 25 เซนติเมตรในรอบ 24 ชั่วโมง ส่วนท้ายเขื่อนระดับน้ำยกตัวขึ้นเช่นกัน จากเดิม+9.60เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขึ้นไปอยู่ที่ +9.88เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง หรือเพิ่มขึ้น 19 เซนติเมตร ทั้งนี้ สถานการณ์โดยรวมส่งผลให้พื้นที่ลุ่มท้ายเขื่อนอย่างคลองโผงเผง ในอ.ป่าโมก จ.อ่างทองได้รับผลกระทบระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เซนติเมตร จึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริมตลิ่งเฝ้าติดตามระดับน้ำใกล้ชิด
หนองคายยังจมแม่น้ำโขงขึ้นสูง
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายจังหวัดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน อย่างจ.มุกดาหาร และจ.หนองคายที่มีฝนตกหนักทั่วพื้นที่ต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก ส่งผลให้ลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงที่มีระดับสูงหนุน ไม่สามารถระบายน้ำลงแม่น้ำโขงได้ และเกิดน้ำป่าเอ่อท้นหนองคอนและลำห้วยคาด เข้าท่วมพื้นที่เกษตร บ้านเรือน โรงเรียนและถนน ในต.โพนแพง ต.บ้านต้อน ต.รัตนวาปี ต.นาทับไฮ และต.พระบาทนาสิงห์ ในอ.รัตนวาปี มีผู้ประสบภัย 598 ราย พื้นที่เกษตรถูกน้ำท่วมกว่า 3 พันไร่ระดับน้ำสูง 1-2 เมตร
ส่วนระดับน้ำโขงที่ไหลผ่านจ.หนองคายวันนี้ลดลง วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำอยู่ที่ 11.00 เมตร ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 40 ซม. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.20 เมตร และมีแนวโน้มลดลงแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เพราะในพื้นที่ยังมีฝนตกทั้งวันทั้งคืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี