31 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้รับแจ้งว่ามีผู้ปกครองพาหลานชายไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ให้เอาผิดกับครูผู้หญิงที่สอนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ โดยกล่าวหาว่าครูคนดังกล่าวได้ใช้ไม้ตีหลัง กำปั้นทุบหลัง และใช้มือบิดตามแขน-ขา และตามลำตัว จนเป็นรอยเขียวช้ำ ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากการลงพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง ก็พบกับ นางสุชาดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้เป็นยาย และ น.ส.นุจรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี แม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ป.3 โดยยายและแม่ของ ด.ช.เอ บอกว่า ได้มีการแจ้งความจริง พร้อมชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูร่องรอยตามลำตัว แขน ขา ที่ถูกครูชั้น ป.3 คนดังกล่าวใช้ไม้ตี และมือบิด เมื่อวันจันทร์ - อังคาร และวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ติดต่อกัน 3 วัน จนเด็กเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะกลัวจะถูกครูตีอีก
จากการสอบถามลูกชายบอกว่า สาเหตุที่ครูตี และบิดตามตัว เพราะเขียนหนังสือช้า ขณะนั่งเรียนในห้อง ไม่ทันเพื่อนคนอื่นๆ ทำให้ยายและแม่รับไม่ได้กับการกระทำของครู เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงได้เข้าแจ้งความ พร้อมทั้งได้นำน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ
น.ส.นุจรี ผู้เป็นแม่ บอกว่า ปกติลูกชายจะอยู่กับยายที่บ้าน เพราะตนเองและสามีไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่พอเห็นภาพจากที่ยายส่งให้ดู และคำบอกเล่าจากยายว่าลูกชายถูกครูลงโทษด้วยการใช้ไม้ตีหลัง กำปั้นทุบหลัง และมือบิดตามแขน - ขา เป็นรอยเขียวช้ำทั้งตัว จนลูกชายไม่กล้าไปโรงเรียน ก็รีบเดินทางจากกรุงเทพฯ กลับมาบ้านทันที เมื่อมาเห็นสภาพลูกด้วยตาตัวเองก็รับไม่ได้ เพราะมองว่าเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ ที่สำคัญเหตุผลที่ครูทำโทษลูกชาย ไม่ใช่เพราะลูกทำอะไรผิด แต่เพียงเพราะว่าเขาเขียนหนังสือช้า ซึ่งยิ่งเป็นเหตุผลที่ไม่สมควรจะทำรุนแรงขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าครูจะไม่มีสิทธิ์ทำโทษนักเรียน หากเด็กทำผิดครูก็ควรจะมีวิธีการอบรม ตักเตือน หรือลงโทษให้เหมาะสมกว่านี้
น.ส.นุจรี ยังบอกอีกว่า ครูคนดังกล่าวก็เคยสอนตนเองสมัยที่เรียนโรงเรียนนี้ และตนเองก็เคยถูกครูตี และบิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่รุนแรงขนาดนี้ และไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวเองก็จะถูกครูคนนี้ทำโทษหนักขนาดนี้ ซึ่งนอกจากลูกชายของตนเองจะถูกทำโทษรุนแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เคยมีเด็กที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกันด้วย จนผู้ปกครองทนไม่ไหวต้องย้ายลูกออกไปเรียนที่อื่น ส่วนตนเองคิดว่าไม่ใช่ความผิดของลูก และก็เป็นโรงเรียนใกล้บ้าน จึงอยากให้ลูกเรียนที่นี่ แต่ทางโรงเรียนควรจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก และครูเองก็ควรจะปรับปรุง ไม่ใช้วิธีทำโทษเด็กที่รุนแรงเกินเหตุด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี