ชงครม.สร้างอ่างเก็บน้ำระนอง
2แห่ง‘คลองน้ำจืด-ทุ่งตาพล’
ตั้งเป้าแก้‘แล้ง-น้ำท่วม’ยั่งยืน
ปชช.1.6หมื่นคนหนีพ้นวิกฤติ
กรมชลประทานรุกพัฒนาแหล่งน้ำในจ.ระนอง เร่งศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เตรียมเสนอ ครม.สร้างอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง ความจุรวม 20 ล้านลบ.ม. เผยจะสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ น้ำท่วมได้อย่างยั่งยืน มีพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 10,000 ไร่ ประชาชนกว่า 1.6 หมื่นคนพ้นวิกฤติ
นายบุญรอด หาญองอาจ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการศึกษาเบื้องต้นและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) พร้อมสำรวจภูมิประเทศและปฐพีกลศาสตร์ โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองน้ำจืด อ.กระบุรี และ โครงการก่อสร้่างอ่างเก็บน้ำทุ่งตาพล อ.ละอุ่น จ.ระนอง เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และการเกษตร ในช่วงฤดูแล้ง ตลอดจนปัญหาน้ำท่วมและป่าไหลหลากในฤดูฝน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมาเป็นระยะเวลายาวนาน
สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำคลองน้ําจืด เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีความจุ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) มี พ้ืนที่รับประโยชน์ประมาณ 10,000 ไร่ เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ําต้นทุนสำหรับอุปโภคบริโภคและการเกษตร ในเขต อ.กระบุรี โดยจะมีประชากรได้รับประโยชน์ถึง 15,000 คน และยังช่วยชะลอน้ำป่าไหลหลากได้อีกด้วย ใช้งบประมาณในการศึกษา 25 ล้านบาท และงบในการก่อสร้างประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำทุ่งตาพล เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง และมีความจุ 10 ล้าน ลบ.ม.เช่นเดียวกัน มีพื้นที่รับประโยชน์ 2,700 ไร่ และใช้น้ําต้นทุนสําหรับอุปโภคบริโภคและการเกษตร ในเขต อ.ละอุ่น มีประชากรได้รับประโยชน์ประมาณ 1,800 คน ใช้งบประมาณในการศึกษา 25 ล้านบาท และงบก่อสร้างประมาณ 129 ล้านบาท
ทั้งนี้หลังจากการศึกษาแล้วเสร็จ จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อทำการสำรวจออกแบบ และของบประมาณในการก่อสร้างในลำดับต่อไป คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการทั้งหมดประมาณ 5 ปี
ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 กล่าวด้วยว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งดังกล่าว เนื่องจากนายอำเภอกระบุรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง ได้ทำหนังสือถึงกรมชลประทาน เพื่อให้ดำเนินการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ และปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวอย่างยั่งยืน ซึ่งประชาชนในพื้นที่เห็นด้วยที่จะให้สร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่ง กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการศึกษาดังกล่าว
“ที่ อ.กระบุรี โดยเฉพาะเทศบาลต.น้ำจืด ต.น้ำจืดน้อย ต.มะมุ และ ต.ลำเลียง จะเจอปัญหาน้ำป่าไหลหลากที่ค่อนข้างรุนแรง เวลาฝนตกหนักน้ำมาเร็วและแรง ไหลหลากฉับพลันพัดพาเอาต้นไม้และเศษสวะเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ทำให้สิ่งของสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากในทุกปี พอถึงฤดูแล้งก็ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดิบ เนื่องจากมีคลองน้ำจืด ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำกระบุรีเป็นแหล่งน้ำแห่งเดียวเท่านั้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนในชุมชน รวมถึงพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ของราษฎรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากส่วนที่ อ.ละอุ่น ก็เช่นเดียวกัน ต.บางแก้วและบริเวณใกล้เคียงเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง แต่ยังไม่มีแหล่งเก็บน้ำ สำหรับรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต ขณะนี้เพียงคลองทุ่งตาพลและฝายปลายคลองที่ช่วยกักน้ำให้คนในพื้นที่ได้ใช้เท่านั้น แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ” นายบุญรอด กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี